อ่านบทความบนเว็บไซต์ของ FBS

การเทรดสวิงคืออะไร?

ในโลกของการซื้อขายนั้นจะมีการซื้อขายอยู่หลายประเภทที่ช่วยให้เทรดเดอร์ทำกำไรได้มากที่สุดภายใต้เงื่อนไขบางประการ ซึ่งการเทรดสวิงก็เป็นหนึ่งในนั้น

การเทรดสวิง หมายถึงการเปิดตำแหน่งแล้วถือไว้เป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ เทรดเดอร์ที่เทรดสวิงจะตั้งเป้าที่จะทำกำไรจากการแกว่งตัวของราคาที่ตลาดในช่วงระยะกลาง ประเภทการซื้อขายนี้ต้องใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค เนื่องจากมันสำคัญมากที่จะต้องสามารถคาดการณ์ทิศทางที่ตลาดจะเคลื่อนไหวต่อไป และการเปิดตำแหน่งในตอนนี้แล้วค่อยปิดในภายหลังจะทำกำไรได้หรือไม่

ตัวอย่างของการเทรดสวิงหุ้น

โดยทั่วไปแล้ว เทรดเดอร์ที่เทรดสวิงจะวิเคราะห์กราฟราคาปัจจุบันโดยมองหาสัญญาณการกลับตัวของราคา แผนภูมินี้แสดงให้เห็นถึงวิธีการที่เทรดเดอร์ใช้ Fibonacci retracement ในการเทรดสวิง อย่างที่คุณเห็น ก่อนเปิดคำสั่งซื้อ เทรดเดอร์สร้างเส้นตามอัตราส่วน Fibonacci แบบคลาสสิกและเปิดคำสั่งซื้อที่เส้น 38.2% จากรูปแบบเดียวกันนี้ เทรดเดอร์คาดว่าแนวโน้มขาขึ้นจะขยายไปถึงระดับสูงสุดก่อนหน้าและวางแผนที่จะปิดคำสั่งซื้อที่ระดับนั้น โดยวาง Stop Loss ไว้ใต้เส้นที่เปิดคำสั่งซื้อเพื่อลดความเสี่ยงของการขาดทุน นี่เป็นตัวอย่างสำคัญของการเทรดสวิง

การเทรดสวิง vs การเทรดแบบเดย์เทรด

แม้ว่าในการเทรดสวิง ตำแหน่งจะถูกเปิดเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ แต่ก็ไม่ใช่ปการซื้อขายระเภทระยะยาวจริงๆ ด้วยเหตุนี้ การซื้อขายประเภทนี้จึงมักถูกนำมาเปรียบเทียบกับการเทรดแบบเดย์เทรดและการซื้อขายระยะสั้นประเภทอื่นๆ

การเทรดแบบเดย์เทรดหมายถึงการถือตำแหน่งที่เปิดน้อยกว่าหนึ่งวัน บางคำสั่งซื้อก็ใช้เวลาไม่กี่นาที เทรดเดอร์ที่เทรดแบบเดย์เทรดมักจะเปิดหลายๆคำสั่งซื้อภายในหนึ่งวัน, วิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาภายในระยะเวลาสั้นๆ พวกเขาไม่ได้พยายามทำเงินเป็นจำนวนมากจากแต่ละคำสั่งซื้อ ในทางกลับกัน เป้าหมายของพวกเขาคือเปิดคำสั่งซื้อที่ทำกำไรเล็กๆหลายๆคำสั่งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายกำไรในแต่ละวัน เทรดเดอร์ที่เทรดแบบรายวันมักเป็นเทรดเดอร์เต็มเวลาที่สามารถอุทิศเวลาหลายชั่วโมงในแต่ละวันเพื่อซื้อขายและวิเคราะห์ตลาด

ในทางกลับกัน การเทรดสวิงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย แน่นอนว่าเทรดเดอร์ที่เทรดสวิงก็จะต้องวิเคราะห์ตลาดเช่นกัน แต่พวกเขาจะพึ่งพารูปแบบกราฟราคาเพื่อทำกำไรจากแนวโน้มใหม่ของการเคลื่อนไหวของราคา พวกเขาจะรวมเอาทั้งการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและทางเทคนิคมาใช้ในการซื้อขาย และโดยทั่วไปจะมองหาคำสั่งซื้อที่มีศักยภาพในการทำกำไรสูงสุดในช่วงเวลาสั้นที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เทรดเดอร์ที่เทรดสวิงมีความเสี่ยงสูงกว่าเทรดเดอร์ที่เทรดแบบรายวัน แต่กำไรที่พวกเขาได้จากการเทรดก็สูงมากเช่นกัน นอกจากนี้ มันยังเหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่มีงานประจำที่สามารถอุทิศเวลาในการเทรดได้อย่างจำกัด

ห้ากลยุทธ์สำหรับการเทรดหุ้นแบบสวิง

การเทรดสวิงช่วยให้เทรดเดอร์สามารถใช้การเคลื่อนไหวและเทคนิคต่างๆเพื่อเพิ่มผลกำไรสูงสุด นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายกลยุทธ์ที่เทรดเดอร์ที่เทรดสวิงสามารถนำมาใช้เมื่อมองหาตำแหน่งที่มีศักยภาพเพื่อเปิด วันนี้เราจะมาดู 5 กลยุทธ์การเทรดสวิง ยอดนิยม และอธิบายว่าการใช้กลยุทธ์เหล่านี้จะช่วยคุณในการซื้อขายได้อย่างไร

Fibonacci retracement

กลยุทธ์การซื้อขายนี้ใช้รูปแบบที่เรียกว่าเครื่องมือ Fibonacci retracement เครื่องมือนี้สามารถช่วยให้เทรดเดอร์ที่เทรดสวิงระบุระดับการกลับตัวที่เป็นไปได้บนกราฟราคา ดังที่ทราบกันดีว่าแนวโน้มจะไม่ได้ประกอบด้วยการเพิ่มขึ้นหรือลดลงแบบตรงๆ ราคามีแนวโน้มที่จะย้อนกลับก่อนไปต่อตามแนวโน้มหลัก ตามรูปแบบ Fibonacci retracement เส้นที่สร้างขึ้นในอัตราส่วน 23.6%, 38.2%, 50% และ 61.8% สามารถแสดงพื้นที่การกลับตัวที่อาจเกิดขึ้นได้ เทรดเดอร์สามารถใช้เส้นเหล่านี้เป็นแนวรับและแนวต้านและวางแผนกลยุทธ์การซื้อขายรอบๆมันได้

การเด้งกลับจากแนวรับและแนวต้าน

มีหลายสิ่งที่ต้องมองหาเมื่อวิเคราะห์แผนภูมิราคา หนึ่งในนั้นก็คือแนวรับและแนวต้าน เส้นเหล่านี้จะแสดงว่าราคามีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนไหวเมื่อไหร่ เส้นแนวรับบ่งชี้ช่วงราคาบนแผนภูมิด้านล่างราคาตลาดปัจจุบันซึ่งผู้ซื้อเข้ายึดครองตลาดและราคาเริ่มไต่กลับขึ้นไปหลังแนวโน้มขาลง ในทางกลับกัน เส้นแนวต้านจะแสดงช่วงราคาที่สูงกว่าราคาตลาดปัจจุบันซึ่งแนวโน้มขาขึ้นมักจะหยุดลงและผู้ขายจะมีอำนาจเหนือกว่า

เส้นเหล่านี้สามารถช่วยเทรดเดอร์ที่เทรดสวิงสร้างกลยุทธ์การซื้อขายที่มั่นคงได้ กลยุทธ์แรกของพวกเขาคือซื้อเมื่อเด้งออกจากแนวรับและวาง Stop Loss ไว้ด้านล่าง กลยุทธ์ที่สองคือการขายเมื่อเด้งออกจากแนวต้านโดยวาง Stop ไว้เหนือระดับนั้น แต่ในทั้งสองกรณี สำคัญมากที่จะต้องจำไว้ว่าเมื่อราคาทะลุเส้นเหล่านี้ พวกมันจะเปลี่ยนบทบาท และเส้นแนวรับจะกลายเป็นแนวต้าน (และในทำนองกลับกัน)

การเทรดตามช่องแนวโน้ม

ขณะวิเคราะห์แผนภูมิ เทรดเดอร์ควรให้ความสนใจกับช่องแนวโน้มด้วย ช่องแนวโน้มคือชุดของเส้นแนวโน้มคู่ขนานที่กำหนดโดยจุดสูงสุดและต่ำสุดของราคา เมื่อราคาถึงขอบใดขอบหนึ่งของช่อง มันจะกลับตัวแล้ววิ่งไปจนถึงขอบอีกฝั่ง

เทรดเดอร์ที่เทรดสวืงสามารถใช้การเทรดตามช่องแนวโน้มเพื่อหาจังหวะที่ดีที่สุดในการเปิดคำสั่งซื้อ สังเกตว่าโอกาสในการเปิดคำสั่งซื้อที่ดีจะเพิ่มขึ้นเมื่อคุณเข้าซื้อที่เส้นแนวรับ (กล่าวคือเส้นล่าง) ของช่องแนวโน้มขาขึ้น และเข้าขายที่เส้นแนวต้าน (กล่าวคือเส้นบน) ของช่องแนวโน้มขาลง พูดได้ว่าสิ่งสำคัญที่คุณในฐานะเทรดเดอร์ที่เทรดสวิงควรจำไว้คือต้องเทรดตามแนวโน้มและอย่าพลาดจังหวะปิดคำสั่งซื้อ

SAM 10 และ 20 วัน

กลยุทธ์การซื้อขายนี้ยังได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์ที่เทรดสวิงและใช้เส้น simple moving average (SMA) SMA จะแสดงราคาเฉลี่ยในช่วงเวลาหนึ่ง เนื่องจากราคามีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน และ SMA ก็เช่นกัน ดังนั้นค่าเฉลี่ยแต่ละรายการจะเชื่อมต่อกันกับค่าก่อนหน้าเป็นเส้น ซึ่งสามารถนำไปใช้กับแผนภูมิราคาได้

เทรดเดอร์ที่เทรดสวิงมักจะใช้ SMA 10 และ 20 วัน และนำไปใช้กับแผนภูมิเดียวกันเพื่อคำนวณการเคลื่อนไหวครั้งต่อไป เพื่อทำสิ่งนี้อย่างถูกต้อง พวกเขามองหาจุดที่ SMA สองเส้นตัดกัน เส้น SMA 10 วัน ตัดขึ้นเหนือ SMA 20 วัน จะบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นและให้สัญญาณเข้าซื้อ แต่ถ้ามันตัดลงมาใต้เส้น SMA 20 วัน มันจะเป็นสัญญานของขาลงและให้สัญญานเข้าขายแก่เทรดเดอร์

MACD ตัดกัน

กลยุทธ์การซื้อขายนี้ถือเป็นหนึ่งในตัวบ่งชี้ทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาและการกลับตัวที่ง่ายและน่าเชื่อถือที่สุด ตัวบ่งชี้ MACD หรือ Moving Average Convergence Divergence จะคำนวณและแสดงว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (MA) ของราคาทั้งสองมีความสัมพันธ์กันอย่างไร เส้นหนึ่งจะเร็วกว่าอีกเส้นหนึ่ง ซึ่งหมายความว่ามันจะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงราคาได้เร็วกว่า

กลยุทธ์การซื้อขายตามการตัดกันของ MACD จะเกี่ยวข้องกับการศึกษาเส้น MACD และเส้นสัญญาณ ประเด็นก็คือเมื่อ MACD ตัดข้ามเส้นสัญญาณ จะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่ หาก MACD อยู่เหนือเส้นสัญญาณ มันจะให้สัญญาณเข้าซื้อ แต่ถ้ามันตัดลงด้านล่าง มันจะให้สัญญาณเข้าขาย

อย่างที่คุณเห็น กลยุทธ์เหล่านี้เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการค้นหาว่าแนวโน้มใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้นตอนไหน และควรใช้กลยุทธ์ขาขึ้นหรือขาลงดี

เคล็ดลับยอดนิยมสำหรับการเทรด Forex แบบสวิง

หลังจากที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์การเทรดสวิงข้างต้น ยังมีเคล็ดลับดีๆต่อไปนี้ซึ่งมีประโยชน์มาก

• คำนึงถึงทั้งแนวโน้มทั้งระยะสั้นและระยะยาว แม้ว่าการเทรดสวิงจะไม่ใช่รูปแบบการซื้อขายระยะยาว แต่มันก็แตกต่างจากรูปแบบการเทรดระยะสั้นเช่นกัน การรู้ว่าแนวโน้มกำลังจะไปในทิศทางใดจะช่วยให้คุณวางแผนการปิดคำสั่งซื้อได้ดีขึ้น และทำให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้ซื้อขายสวนแนวโน้ม
• อย่าลืมเรื่องค่าสวอป เมื่อคุณเปิดตำแหน่งทิ้งไว้ข้ามคืน คุณต้องจ่ายดอกเบี้ยหรือค่าสวอป สิ่งสำคัญคือการพิจารณาค่าสวอปก่อนตัดสินใจเข้าเทรดแบบสวิง เพื่อที่ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเหล่านี้จะไม่ทำให้คุณประหลาดใจ
• ติดตามข่าว. ราคาหุ้นและสกุลเงินล้วนมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นในโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ หรือการเปลี่ยนแปลงขององค์กรภายในบริษัท การรู้ว่าสิ่งใดสามารถมีอิทธิพลต่อราคาของสินทรัพย์ที่คุณกำลังซื้อขายอยู่จะสามารถช่วยให้คุณคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของราคาและวางแผนการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของคุณได้
• พิจารณาการใช้เลเวอเรจ. เลเวอเรจเพียงเล็กน้อยจะช่วยให้คุณเปิดคำสั่งซื้อได้มากกว่าที่คุณสามารถจ่ายได้ด้วยเงินที่คุณฝาก ยิ่งคุณเทรดได้สำเร็จมากเท่าไหร่ คุณก็จะได้กำไรมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีเสมอ
• อย่าโฟกัสที่หุ้นตัวเดียว การเทรดสวิงมีความเสี่ยงมากกว่ารูปแบบการซื้อขายระยะสั้น ดังนั้นการใส่ทรัพยากรทั้งหมดลงในหุ้นตัวเดียวอาจส่งผลย้อนกลับได้ พยายามกระจายพอร์ตการลงทุนของคุณให้มีหุ้นหลายๆตัวเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

วิธีการเทรดหุ้นแบบสวิง

เนื่องจากตอนนี้คุณได้รู้เรื่องกลยุทธ์การเทรดสวิงยอดนิยมแล้ว คำถามสำคัญต่อไปที่คุณอาจมีคือจะเทรด Forex และหุ้นแบบสวิงอย่างไรดี

ประการแรก คุณต้องเปิดบัญชีเพื่อเริ่มทำการซื้อขาย ซึ่งคุณสามารถเปิดบัญชีทดลองเพื่อฝึกเทรดสวิงได้แบบไม่มีความเสี่ยง

ขั้นตอนต่อไปคือการศึกษาตลาดปัจจุบัน ถ้าทำควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค มันจะสามารถช่วยให้คุณคาดการณ์ได้ว่าจะมีการกลับตัวของแนวโน้มหรือไม่ แล้วค่อยวางแผนกลยุทธ์การซื้อขายของคุณ

เมื่อคุณรวบรวมข้อมูลได้เพียงพอแล้ว ก็ถึงเวลาเลือกหุ้นที่จะซื้อ พยายามซื้อหุ้นหลายๆตัวเพื่อลดความเสี่ยงของการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น คุณสามารถใช้ Stop Loss เพื่อปิดคำสั่งซื้อของคุณโดยอัตโนมัติเมื่อถึงตัวเลขเป้าหมายที่คุณกำหนด

ตอนนี้คุณได้เลือกซื้ออะไรไปแล้ว สบายใจได้แล้วสิ? ไม่เลยซักนิด! ตอนนี้มาถึงส่วนที่สำคัญที่สุดแล้ว: การเฝ้าดูตำแหน่งของคุณ แน่นอนว่าคุณได้ศึกษาไปเสร็จแล้ว แต่ตอนนี้คุณต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าแนวโน้มจะไม่เปลี่ยนวิถีและทำให้คุณสูญเสียโดยไม่คาดคิด นอกจากนี้มันยังสามารถช่วยให้คุณหาจังหวะที่เหมาะสมในการปิดตำแหน่งของคุณและรักษาผลกำไรสูงสุดที่เป็นไปได้

สุดท้าย เมื่อคุณได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการของคุณแล้ว คุณสามารถปิดตำแหน่งและออกจากตลาด รวบผลกำไรทั้งหมดที่คุณสะสมไว้ได้ในการเทรดสวิงรอบนี้

การหาหุ้นมาเทรดแบบสวิง

มันง่ายมากๆที่จะแค่พูดว่า "หาซื้อหุ้นที่ใช่" แต่คุณรู้หรือเปล่าว่าหุ้นตัวไหนดีที่สุดสำหรับการเทรดสวิง? นี่คือสิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาในตอนที่คุณเลือกหุ้น

• สภาพคล่องและความผันผวน ตามที่เรา "ได้เรียนรู้ไปแล้ว" เทรดเดอร์ที่เทรดสวิงจะทำกำไรจากการแกว่งตัวของราคาและการกลับตัวของแนวโน้ม มันจะต้องเป็นหุ้นที่มีความผันผวนสูงที่มีการแกว่งตัวของราคาอย่างต่อเนื่องและให้ผลกำไรแก่เทรดเดอร์
• หมี หรือ กระทิง ก่อนตัดสินใจซื้อขายหุ้นใดๆ คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนว่าคุณต้องการซื้อขายที่ตลาดหมีหรือตลาดกระทิง การเลือกตลาดมีประโยชน์ในการจำกัดให้แคบลงว่าหุ้นตัวใดเหมาะสมที่จะซื้อในสภาวะตลาดปัจจุบัน
• รูปแบบกราฟ สแกนรูปแบบกราฟและใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อค้นหาว่าหุ้นใดที่ราคาจะผันผวนซึ่งคุณสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ กราฟและเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคยังสามารถช่วยให้คุณคาดการณ์สิ่งที่คุณอาจคาดหวังจากความผันผวนของราคา และสร้างกลยุทธ์การซื้อขายของคุณ
• ผลประกอบการ แม้ว่าคุณอาจพบหุ้นจำนวนมากที่ตรงตามเกณฑ์ที่กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะซื้อหุ้นทุกตัว ดังนั้นจึงควรเลือกเฉพาะหุ้นที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มนี้โดยเฉพาะและมีผลประกอบการที่ดีกว่าหุ้นตัวอื่นๆ

สรุป

วันนี้เราได้เรียนรู้เรื่องกลยุทธ์การเทรดสวิงแบบหลักๆ และเรียนรู้ว่ามันสามารถช่วยคุณในการวางแผนได้อย่างไร หากคุณไม่มีโอกาสเป็นเทรดเดอร์เต็มเวลา การเทรดสวิงอาจเป็นรูปแบบการเทรดที่ดีที่สุดสำหรับคุณ เพื่อให้การเทรดสวิงประสบความสำเร็จ คุณจำเป็นต้องรู้วิธีใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคและจดจำรูปแบบเพื่อค้นหาหุ้นที่ทำกำไรได้มากที่สุดในการเทรดสวิง และสร้างกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จ