-
จะเริ่มเทรดอย่างไร?
หากคุณอายุ 18 ปีขึ้นไปคุณสามารถเข้าร่วม FBS ได้และเริ่มต้นการเดินทาง FX ของคุณ ในการซื้อขายคุณจะต้องมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์และมีความรู้ที่เพียงพอเกี่ยวกับวิธีการทำงานของสินทรัพย์ในตลาดการเงิน เริ่มด้วยการศึกษาขั้นพื้นฐานด้วย สื่อการเรียนรู้ฟรี และ สร้างบัญชี FBS คุณอาจต้องการทดสอบสภาพแวดล้อมด้วยเงินเสมือนจริงผ่านบัญชีทดลอง เมื่อคุณพร้อมเข้าสู่ตลาดจริงแล้ว ก็เริ่มทำการซื้อขายเพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จ
-
จะเปิดบัญชี FBS ได้อย่างไร?
คลิกที่ปุ่ม 'เปิดบัญชี' บนเว็บไซต์ของเราแล้วไปที่ Trader Area ก่อนที่คุณจะเริ่มซื้อขายได้ โปรไฟล์ของคุณจะต้องได้รับการยืนยันเสียก่อน ยืนยันอีเมลและเบอร์โทรศัพท์ของคุณ จากนั้นให้ทำการยืนยันตัวตนของคุณ ขั้นตอนนี้จะช่วยรับประกันความปลอดภัยของเงินและตัวตนของคุณ เมื่อคุณผ่านการตรวจสอบทั้งหมดแล้ว ให้ไปที่แพลตฟอร์มการซื้อขายที่ต้องการ แล้วเริ่มซื้อขายได้เลย
-
จะถอนเงินที่ทำได้กับ FBS ได้อย่างไร?
กระบวนการนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย ไปที่หน้า การถอนเงิน บนเว็บไซต์หรือส่วนการเงินของ FBS Trader Area และเข้าไปที่การถอนเงิน คุณจะได้รับเงินที่ทำได้รับผ่านระบบการชำระเงินเดียวกับที่คุณใช้ในการฝากเงิน ในกรณีที่คุณฝากเงินเข้าบัญชีผ่านหลายวิธี ให้ถอนกำไรของคุณผ่านวิธีเดียวกันในอัตราส่วนตามยอดเงินที่ฝากเข้ามา
Financial Institutions
สถาบันการเงินคืออะไร?
สถาบันการเงิน (Financial institutions: FI) เป็นองค์กรที่รับผิดชอบในการจัดหาเงินเข้าสู่ตลาดผ่านการโอนเงินจากนักลงทุนไปยังบริษัทต่าง ๆ ในรูปเงินกู้ เงินฝาก และการลงทุน
ประเภทของสถาบันการเงินที่พบมากที่สุด ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ บริษัททรัสต์ ธนาคารเพื่อการลงทุน บริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์หรือผู้ค้าหลักทรัพย์การลงทุน บริษัทประกันภัย และกองทุนจัดการสินทรัพย์ ส่วนประเภทอื่น ๆ ได้แก่ สหภาพเครดิตและบริษัทเงินทุน
สถาบันการเงินจะถูกกำกับควบคุมเพื่อควบคุมปริมาณเงินในตลาดและปกป้องผู้บริโภค
อธิบายเรื่องสถาบันการเงิน - FI
สถาบันการเงินนั้นมีบทบาทสำคัญในระบบการเงินของแต่ละประเทศ โดยจะมีความสำคัญอย่างมากในการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง สถาบันเหล่านี้จะจัดหาเงินทุนระยะยาวให้กับอุตสาหกรรมหลัก
สถาบันการเงินยังมีบทบาทสำคัญต่อประชาชนส่วนใหญ่ด้วยการให้บริการธุรกรรมทางการเงินทุกรูปแบบ การออม และความต้องการด้านการลงทุน รัฐบาลมองว่าการกำกับดูแลและควบคุมธนาคารและบริษัทที่ให้บริการทางการเงินอื่น ๆ นั้นเป็นสิ่งจำเป็น ด้วยเหตุผลเดียวกัน การล้มละลายของสถาบันการเงินอาจก่อให้เกิดความตื่นตระหนกในระบบเศรษฐกิจ องค์กรต่าง ๆ เช่น Federal Deposit Insurance Corporation (FDIC) ที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ จะเป็นผู้กำกับควบคุมบัญชีเงินฝากประจำเพื่อปกป้องบุคคลและธุรกิจจากความเสี่ยงต่าง ๆ ต่อการเงินของพวกเขาจากการฝากเงินไว้กับสถาบันการเงิน
การสูญเสียความเชื่อมั่นในสถาบันทางการเงินอาจทำให้เกิดปัจจัยลบเพิ่มเติมในระบบเศรษฐกิจ
ประเภทของสถาบันการเงิน
ผู้คนเกือบทุกคนได้ติดต่อกับสถาบันการเงินต่าง ๆ ทุกวัน ไม่ว่าจะเพื่อการฝากเงิน การขอสินเชื่อ หรือการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน สถาบันการเงินต่าง ๆ ล้วนมีความสำคัญต่อกิจกรรมเหล่านี้
สถาบันการเงินแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ สถาบันการเงินประเภทธนาคารและสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร สถาบันการเงินประเภทธนาคาร ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ที่มีหน้าที่หลักในการรับฝากเงินและปล่อยสินเชื่อ ส่วนสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารเพื่อการลงทุน บริษัทประกันภัย บริษัทเงินทุน บริษัทลีสซิ่ง เป็นต้น เดี๋ยวเรามาดูรายละเอียดเกี่ยวกับสถาบันการเงินทั้งสองประเภทกัน
สถาบันการเงินประเภทธนาคาร
ธนาคารเป็นสถาบันการเงินประเภทธนาคารที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด ตัวกลางทางการเงินที่ทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างผู้ฝากเงินหรือผู้จัดหาเงินทุนและผู้ให้กู้ที่ใช้เงินทุน ภารกิจหลักของสถาบันการเงินประเภทธนาคารคือการรับฝากเงิน จากนั้นก็จะนำเงินเหล่านั้นไปใช้ในการเสนอสินเชื่อให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นผู้ที่จะนำไปใช้ในการซื้อกองทุน การศึกษา ขยายธุรกิจ ลงทุนในการพัฒนา ฯลฯ
ธนาคารยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนการชำระเงินโดยเสนอบริการชำระเงินต่าง ๆ รวมถึงบัตรเดบิต บัตรเครดิต บริการเช็ค การฝากเงินโดยตรง ใบสั่งจ่ายเงินของธนาคาร เป็นต้น จุดประสงค์หลักของการฝากเงินในธนาคารคือความสะดวก รายได้จากดอกเบี้ย และความปลอดภัย ปริมาณทุนสำรองส่วนเกินและอัตราส่วนของเงินสดสำรองถือเป็นตัวกำหนดความสามารถของธนาคารในการให้กู้ยืมเงิน การระดมทุนเป็นเรื่องที่ค่อนข้างง่ายสำหรับธนาคาร เนื่องจากบัญชีบางประเภท เช่น บัญชีเงินฝากเผื่อเรียก จะไม่จ่ายดอกเบี้ยให้กับเจ้าของบัญชี
ธนาคารจะนำเงินจากการฝากไปลงทุน บางครั้งก็ลงทุนในสินทรัพย์และหลักทรัพย์ทางการเงิน แต่ส่วนใหญ่จะนำไปลงทุนในการให้กู้ยืม
สถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร
นอกจากสถาบันการเงินประเภทธนาคารแล้ว ยังมีสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารอีกหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงธนาคารเพื่อการลงทุน บริษัทลีสซิ่ง บริษัทประกันภัย กองทุนรวมเพื่อการลงทุน บริษัทเงินทุน เป็นต้น สถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารจะให้บริการทางการเงินที่หลากหลาย
ธนาคารเพื่อการลงทุนจะนำเสนอบริการต่าง ๆ ให้แก่องค์กรต่าง ๆ รวมถึงการจัดจำหน่ายตราสารหนี้และการออกหุ้น การซื้อขายหลักทรัพย์ การลงทุน บริการที่ปรึกษาขององค์กร และการทำธุรกรรมตราสารอนุพันธ์
สถาบันการเงิน เช่น บริษัทประกันภัย จะให้ความคุ้มครองความสูญเสียเฉพาะที่มีการชำระเบี้ยประกัน กองทุนบำเหน็จบำนาญและกองทุนรวมจะทำหน้าที่เป็นสถาบันเพื่อการออมที่ผู้ลงทุนสามารถนำเงินทุนไปลงทุนในกองทุนรวมและรับดอกเบี้ยเป็นผลตอบแทน
ผู้ดูแลสภาพคล่องหรือสถาบันการเงินที่ทำหน้าที่เป็นนายหน้าและผู้ค้าหลักทรัพย์จะอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมใน สินทรัพย์ทางการเงิน เช่น อนุพันธ์ สกุลเงิน ตราสารทุน ฯลฯ
ผู้ให้บริการทางการเงินอื่น ๆ เช่น บริษัทลีสซิ่งจะอำนวยความสะดวกในการซื้ออุปกรณ์ บริษัทจัดหาเงินทุนด้านอสังหาริมทรัพย์จะจัดหาเงินทุนสำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ และที่ปรึกษาทางการเงินและผู้ให้คำปรึกษาจะให้คำแนะนำแบบมีค่าธรรมเนียม
ข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่างสถาบันการเงินทั้งสองประเภทคือ สถาบันการเงินประเภทธนาคารสามารถรับฝากเงินเข้าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์และบัญชีเงินฝากเผื่อเรียกต่าง ๆ ได้ ซึ่งสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารจะไม่สามารถทำได้
ตัวอย่างสถาบันทางการเงิน
สถาบันการเงินประเภทธนาคาร
นี่คือตัวอย่างบางส่วนของสถาบันการเงินประเภทธนาคาร รายชื่อธนาคาร 15 อันดับแรกของสหรัฐอเมริกาตามสินทรัพย์รวม:
สถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร
นี่คือรายชื่อสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารบางแห่ง ซึ่งได้แก่:
- Loandepot Inc (LDI)
บริษัทนี้เป็นผู้ให้บริการแอปพลิเคชันนายหน้าจำนองสินทรัพย์ออนไลน์
บริษัทได้ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 2010 ในแคลิฟอร์เนีย
สินทรัพย์รวมทั้งสิ้นของบริษัทมีมูลค่ามากกว่า 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หุ้นของบริษัทนี้ได้ซื้อขายใน NYSE
- PennyMAC
นี่คือบริษัทรับจดจำนองจากแคลิฟอร์เนีย บริษัทได้ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 2008 และปัจจุบันเป็นหนึ่งในผู้ให้กู้ยืมที่มีชื่อเสียงที่สุดในสหรัฐอเมริกา
หุ้นของบริษัทได้รับการจดทะเบียนใน NYSE
- American International Group (AIG)
นี่คือบริษัทชื่อดังจากนิวยอร์ก บริษัทจะให้บริการผลิตภัณฑ์ประกันภัยแก่ลูกค้าสถาบันและลูกค้าที่ไม่ใช่สถาบัน
ทรัพย์สินรวมทั้งสิ้นของบริษัทมีมูลค่าเกิน 500 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
บริษัทจ่ายเงินปันผลให้กับนักลงทุนอย่างมั่นคง และตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2020 ถึงเดือนเมษายน ปี 2022 หุ้นของบริษัทได้เพิ่มขึ้น 230%
- PayPal Holdings Inc.
บริษัทที่ให้บริการโซลูชันการชำระเงินแบบดิจิทัล ดำเนินกิจการใน 150 ประเทศและมีหลายบัญชีใน 56 สกุลเงินที่แตกต่างกัน
อย่างไรก็ตาม ผู้ก่อตั้งบริษัทคือ Peter Thiel ผู้ที่ได้สร้างอาณาจักรของตัวเองร่วมกับ Elon Musk ที่เป็นเจ้าของ X.com
สำนักงานใหญ่ของบริษัทตั้งอยู่ใน San Jose และขณะนี้สินทรัพย์ของบริษัทมีมูลค่ามากกว่า 78.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
อัปเดทแล้ว • 2023-05-08