-
จะเริ่มเทรดอย่างไร?
หากคุณอายุ 18 ปีขึ้นไปคุณสามารถเข้าร่วม FBS ได้และเริ่มต้นการเดินทาง FX ของคุณ ในการซื้อขายคุณจะต้องมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์และมีความรู้ที่เพียงพอเกี่ยวกับวิธีการทำงานของสินทรัพย์ในตลาดการเงิน เริ่มด้วยการศึกษาขั้นพื้นฐานด้วย สื่อการเรียนรู้ฟรี และ สร้างบัญชี FBS คุณอาจต้องการทดสอบสภาพแวดล้อมด้วยเงินเสมือนจริงผ่านบัญชีทดลอง เมื่อคุณพร้อมเข้าสู่ตลาดจริงแล้ว ก็เริ่มทำการซื้อขายเพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จ
-
จะเปิดบัญชี FBS ได้อย่างไร?
คลิกที่ปุ่ม 'เปิดบัญชี' บนเว็บไซต์ของเราแล้วไปที่ Trader Area ก่อนที่คุณจะเริ่มซื้อขายได้ โปรไฟล์ของคุณจะต้องได้รับการยืนยันเสียก่อน ยืนยันอีเมลและเบอร์โทรศัพท์ของคุณ จากนั้นให้ทำการยืนยันตัวตนของคุณ ขั้นตอนนี้จะช่วยรับประกันความปลอดภัยของเงินและตัวตนของคุณ เมื่อคุณผ่านการตรวจสอบทั้งหมดแล้ว ให้ไปที่แพลตฟอร์มการซื้อขายที่ต้องการ แล้วเริ่มซื้อขายได้เลย
-
จะถอนเงินที่ทำได้กับ FBS ได้อย่างไร?
กระบวนการนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย ไปที่หน้า การถอนเงิน บนเว็บไซต์หรือส่วนการเงินของ FBS Trader Area และเข้าไปที่การถอนเงิน คุณจะได้รับเงินที่ทำได้รับผ่านระบบการชำระเงินเดียวกับที่คุณใช้ในการฝากเงิน ในกรณีที่คุณฝากเงินเข้าบัญชีผ่านหลายวิธี ให้ถอนกำไรของคุณผ่านวิธีเดียวกันในอัตราส่วนตามยอดเงินที่ฝากเข้ามา
Currency Appreciation
การแข็งค่าของสกุลเงิน
การแข็งค่าของสกุลเงินคืออะไร?
การแข็งค่าของสกุลเงินคือการแข็งค่าของสกุลเงินหนึ่งเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ หรือเมื่อเทียบกับทองคำ หากหน่วยเงินเติบโตน้อยกว่าไม่กี่เปอร์เซ็นต์ จะถือว่ามันความผันผวนของตลาด แต่ถ้ามันเติบโตมากกว่านั้น จะถือเป็นการแข็งค่าของสกุลเงิน
ในตลาด Forex เทรดเดอร์จะซื้อขายคู่สกุลเงินเพื่อทำกำไรจากการเพิ่มขึ้นของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินหลักเมื่อเทียบกับสกุลเงินอ้างอิง คุณสามารถใช้ ตัวแปลงสกุลเงิน เพื่อคำนวณมูลค่าของสกุลเงินใดสกุลเงินหนึ่งอย่างรวดเร็ว
การแข็งค่าของสกุลเงินเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ส่วนใหญ่การแข็งค่าของสกุลเงินจะเกิดขึ้นเมื่อจำเป็นต้องลดอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งการแข็งค่าเทียมนั้นสามารถทำได้ผ่านการแทรกแซงสกุลเงิน ถ้าเป็นในอดีต ธนาคารกลางหรือรัฐบาลต้องเพิ่มปริมาณทองคำสำรอง แต่ในทุกวันนี้ มันจะถูกดำเนินการโดยการซื้อสกุลเงินต่างประเทศเพื่อแลกเปลี่ยนกับสกุลเงินในประเทศ ดังนั้นอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินของประเทศจึงเพิ่มขึ้น
ส่วนการแข็งค่าตามธรรมชาติของสกุลเงินจะเกิดขึ้นเมื่อความเชื่อมั่นของตลาดเกิดการเปลี่ยนแปลง และมีความต้องการสกุลเงินประจำชาติของประเทศเพิ่มมากขึ้น
การแข็งค่าของสกุลเงินและหุ้น
หุ้นเป็นหลักประกันที่ยืนยันสิทธิ์ของผู้ถือหุ้นในการถือหุ้นในบริษัท แม้ว่าคุณจะถือหุ้นของบริษัทเพียงเล็กน้อย แต่คุณก็มีสิทธิ์ได้รับเงินปันผล และยังจะได้รับกำไรได้มูลค่าที่เพิ่มสูงขึ้นของหุ้นหากคุณตัดสินใจขายมัน
มูลค่าของหุ้นจะขึ้นอยู่กับความสำเร็จของบริษัท ภาคเศรษฐกิจ และเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก ด้วยเหตุนี้ สถานะของธุรกิจของบริษัทและราคาหุ้นจึงได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินของประเทศและอัตราเงินเฟ้อ ยิ่งอัตราเงินเฟ้อสูงเท่าไหร่ ผลตอบแทนที่แท้จริงของหุ้นก็จะยิ่งต่ำลงเท่านั้น และในทำนองกลับกัน เมื่อพิจารณาเรื่องการแข็งค่าหรืออ่อนค่าของสกุลเงิน คุณสามารถคาดการณ์ได้ว่ามันจะส่งผลอย่างไรต่อความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทและมูลค่าหุ้นของบริษัท
นอกจากนี้ เราควรให้ความสนใจว่าผู้ออกหุ้นนั้นเป็นผู้ส่งออกหรือผู้นำเข้าหรือไม่ เพราะการตีราคาใหม่จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการนำเข้า เนื่องจากราคาของสินค้าต่างประเทศจะลดลง
ผลกระทบหลัก ๆ ต่อเศรษฐกิจที่เกิดจากการแข็งค่าของสกุลเงิน
ผลกระทบจากการแข็งค่าของสกุลเงินสามารถสรุปได้ดังต่อไปนี้:
- ต้นทุนการส่งออกเพิ่มขึ้น การส่งออกจะลดลงเนื่องจากการส่งสินค้าออกไปขายต่างประเทศนำเงินเข้าประเทศได้น้อยลง ผลที่ตามมาคือการผลิตในประเทศลดลงเนื่องจากการผลิตแล้วส่งออกไปขายต่างประเทศได้กำไรน้อยกว่าการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ในทางกลับกัน การอ่อนค่าของสกุลเงินท้องถิ่นทำให้กำลังซื้อของการลงทุนจากต่างประเทศลดลง ส่งผลให้เงินทุนไหลออกจากประเทศ
- ต้นทุนการนำเข้าถูกลง การแข็งค่าของสกุลเงินท้องถิ่นทำให้สามารถทำกำไรได้มากขึ้นจากการนำเข้าสินค้าและสินทรัพย์จากต่างประเทศ เนื่องจากพวกมันจะมีราคาที่ถูกกว่าในท้องถิ่น ดังนั้นอัตราเงินเฟ้อจึงลดลงเนื่องจากของสินค้าส่งออกจากต่างประเทศที่มีราคาถูกไหลทะลักเข้ามา
นี่คือแผนภาพที่จะช่วยทำให้เข้าใจถึงประเด็นที่กล่าวมาได้มากขึ้น:
ปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้สกุลเงินแข็งค่าขึ้น
นักวิเคราะห์ทางการเงินได้ระบุสาเหตุสองประการที่ทำให้สกุลเงินแข็งค่าขึ้น:
- อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย ดังที่เราได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ สาเหตุหลักที่ทำให้สกุลเงินเงินแข็งค่าขึ้นคืออัตราเงินเฟ้อที่สูงและอัตราดอกเบี้ยจริงที่ต่ำ สกุลเงินของประเทศที่กำลังอ่อนค่าลงจะนำไปสู่อัตราดอกเบี้ยจริงที่ลดลงและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น ในกรณีนี้ สกุลเงินในประเทศจำเป็นต้องมีเสถียรภาพ
- ความเชื่อมั่นของนักลงทุน ถึงนี่จะเป็นเหตุผลรอง แต่มันก็มีความสำคัญไม่น้อย เพราะมันสืบเนื่องมาจากเปอร์เซ็นต์ของอัตราเงินเฟ้อ ในกรณีที่อัตราเงินเฟ้อสูง การลงทุนในหุ้นของบริษัทท้องถิ่นจะไม่เกิดผลกำไร เนื่องจากเงินปันผลจะน้อย และหากอัตราเงินเฟ้อสูงกว่าอัตราดอกเบี้ย มันก็จะยิ่งแย่ลงได้อีกจนถึงขั้นติดลบ
นักลงทุนและเทรดเดอร์สามารถตรวจสอบตลาดการเงินทั่วโลกเพื่อดูสกุลเงินที่มีมูลค่าสูงสุด และให้ความสนใจกับสัญญาณและเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่อาจทำให้สกุลเงินแข็งค่าขึ้น
ตัวอย่างของการแข็งค่าของสกุลเงิน
ในตัวอย่างของการแข็งค่าของสกุลเงินตามธรรมชาติ เราจะไปดูกันที่การเพิ่มขึ้นของค่าเงินฟรังก์สวิส (CHF) ในปี 2015 ธนาคารกลางสวิสได้ยกเลิกนโยบายทางการเงินก่อนหน้านี้และได้หยุดควบคุมอัตราแลกเปลี่ยน CHF สิ่งนี้ได้ทำให้มูลค่าของสกุลเงินประจำชาติสวิสเพิ่มขึ้นถึง 40% (38% เมื่อเทียบกับ USD และ 41% เมื่อเทียบกับ EUR) และได้ส่งผลกระทบที่สำคัญต่อเศรษฐกิจโลก
ส่วนการแข็งค่าเทียมของสกุลเงิน ซึ่งเกิดขึ้นโดยเจตนาเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อนั้นเกิดขึ้นที่ประเทศจีนในปี 2005 รัฐบาลได้ยกเลิกอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ CNY/USD เพื่อหันไปตรึงกับตะกร้าสกุลเงินซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการเงินใหม่ ด้วยวิธีนี้ พวกเขาจึงได้เพิ่มมูลค่าของ CNY ขึ้น 2% ก่อนในตอนแรก และจากนั้นในปี 2010 มูลค่าของ CNY ก็ได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 20%
สรุป
การประเมินค่าสกุลเงินใหม่ไม่ใช่กระบวนการง่าย ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้โดยปราศจากอิทธิพลของรัฐและธนาคารกลางต่อนโยบายเศรษฐกิจ มันมีผลกระทบต่อตลาดการเงิน เทรดเดอร์ นักลงทุน และคนทั่วไป ทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการติดตามอัตราแลกเปลี่ยนและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจจึงเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นจงก้าวตามให้ทัน และรักษากระเป๋าเงินของคุณให้ปลอดภัย
อัปเดทแล้ว • 2023-05-26