ก่อนหน้านี้ เรามีการประเมินว่าให้รอเข้าเทรด BUY EURUSD ที่ระดับ 1.08850 โดยสามารถตั้งจุด TP ได้ที่บริเวณ 1.09940 และตั้งจุด SL
สิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่ม Hedging
อัปเดทแล้ว • 2023-06-12
สิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่ม Hedging
กลยุทธ์ที่ใช้ในการเทรดนั้นมีอยู่มากมาย โดยเทรดเดอร์สามารถเลือกใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตัวเองได้ ซึ่งในปัจจุบันกลยุทธ์หนึ่งที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมก็คือกลยุทธ์ Hedging เนื่องจากเทรดเดอร์มักไม่ค่อยอยากจะปิดออเดอร์ที่ขาดทุน ทำให้มักจะมีการ Hedging ไว้
ในบทความนี้ ทาง FBS จะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับกลยุทธ์ Hedging พร้อมอธิบายถึงข้อดีและข้อเสียให้เข้าใจกัน
การ Hedging คือการเปิดออเดอร์ BUY และ SELL ในตราสารเดียวกัน เพื่อล็อกกำไรหรือขาดทุน ยกตัวอย่างเช่น เราเปิด BUY 1 ล็อต และเปิด SELL 1 ล็อตใน XAUUSD หรือการที่เราเปิด BUY และ SELL 1 ล็อต ใน GBPJPY เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การ Hedging อาจเป็นลักษณะของการ Hedging บางส่วนก็ได้เช่น เราเปิด BUY XAUUSD 1 ล็อต ในขณะที่ทำการเปิด SELL XAUUSD เพียง 0.5 ล็อต ก็ได้ ซึ่งหากเป็นลักษณะนี้ก็จะเรียกว่าเป็นการ Hedging บางส่วน ทั้งนี้การ Hedging มักจะทำไปเพื่อล็อกการขาดทุนมากกว่าล็อกกำไร โดยมักจะเกิดขึ้นเมื่อเทรดเดอร์ไม่ต้องการขาดทุนเพิ่มขึ้้น
ข้อดีของการ Hedging
- ช่วยรักษากำไรหรือขาดทุนของพอร์ตไม่ให้รับความเสี่ยงจากการขึ้นหรือลงของราคา เพราะจะเป็นการหักล้างกำไรและขาดทุนของกันและกัน
ตัวอย่างที่ 1 หากเราทำการเปิด BUY XAUUSD 1 ล็อต ต่อมาได้กำไร 1,000 USD
เราอาจจะทำการเปิด SELL XAUUSD 1 ล็อต เพื่อล็อกกำไรดังกล่าว เนื่องจากหากราคาขึ้นต่อไป ก็จะได้กำไรจากออเดอร์ BUY แต่ก็จะขาดทุนจากออเดอร์ SELL ในทางกลับกัน หากราคาลงต่อไป ก็จะได้กำไร จากออเดอร์ SELL แต่ก็จะขาดทุนจากออเดอร์ BUY ด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้หักล้างกันพอดี กำไรในพอร์ตจึงไม่ลดลงและไม่เพิ่มขึ้นจากการ Hedging ดังกล่าว
ตัวอย่างที่ 2 หากเราทำการ BUY XAUUSD 1 ล็อต ต่อมาขาดทุน 1,000 USD
เราอาจจะทำการเปิด SELL XAUUSD 1 ล็อต เพื่อล็อกขาดทุนดังกล่าว เนื่องจากหากราคาลงต่อไป ก็จะได้กำไรจากออเดอร์ SELL แต่ก็จะขาดทุนจากออเดอร์ BUY ในทางกลับกัน หากราคาขึ้นต่อไป ก็จะได้กำไรจากออเดอร์ BUY แต่ก็จะขาดทุนจากออเดอร์ SELL ด้วยเช่นเดียวกัน ทำให้หักล้างกันพอดี กำไรในพอร์ตจึงไม่ลดลงและไม่เพิ่มขึ้นจากการ Hedging ดังกล่าว
2. ช่วยรักษา Balance ในพอร์ตอันทำให้จิตวิทยาการเทรดดีขึ้น เนื่องจากการ Hedging เป็นการล็อกกำไรและขาดทุนโดยไม่ต้องทำการปิดออเดอร์ ฉะนั้น Balance จึงไม่เพิ่มและไม่ลดจากการ Hedging
ข้อเสียของการ Hedging
- ทำให้ติดนิสัยไม่มองการขาดทุนตามความเป็นจริง เนื่องจากในกรณีที่พอร์ตของเราขาดทุน ต่อมาเราทำการ Hedging ไว้ เทรดเดอร์บางส่วนอาจจะคิดว่าพอร์ตยังไม่ขาดทุนเนื่องจากยังไม่ปิดออเดอร์ ทำให้ Balance ในพอร์ตไม่ลดลง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การจะดูว่าเงินในพอร์ตของเราเหลือเท่าไร จะต้องดูที่ค่า Equity ในพอร์ต ไม่ใช่ค่า Balance แต่อย่างใด
2. ทำให้พอร์ตอาจเกิดการขาดทุนเพิ่มขึ้นได้จากการถ่างของสเปรด เนื่องจากแม้ว่าการ Hedging จะทำให้พอร์ตไม่ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากการที่ราคาสินค้าเคลื่อนที่ขึ้นหรือลง แต่การ Hedging ก็มีความเสี่ยงจากการถ่างของสเปรด โดยหากสเปรดถ่างมากขึ้น ก็จะทำให้จำนวนการขาดทุนเพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
สรุป
การ Hedging คือการออกออเดอร์ BUY และ SELL ในตราสารเดียวกัน โดยจะเป็นการช่วยไม่ให้พอร์ตขาดทุนและได้กำไรเพิ่มเติมจากการเพิ่มขึ้นและลดลงของราคา อย่างไรก็ตาม การ Hedging จะทำให้เทรดเดอร์มีความเสี่ยงจากการถ่างของสเปรด ทำให้เทรดเดอร์ต้องระมัดระวังในการใช้กลยุทธ์ดังกล่าว
คล้ายกัน
ก่อนหน้านี้ เรามีการประเมินว่าให้รอเข้าเทรด BUY GBPJPY ที่ระดับ 189.500 โดยสามารถตั้งจุด TP ได้ที่บริเวณ 192.000 และตั้งจุด SL
ก่อนหน้านี้ เรามีการประเมินว่า ให้รอเข้าเทรด BUY GBPUSD ที่ระดับ 1.27446 โดยสามารถตั้งจุด TP ได้ที่บริเวณ 1.30000 และตั้งจุด SL
ข่าวล่าสุด
ก่อนหน้านี้ เรามีการประเมินว่าให้รอเข้าเทรด SELL XAUUSD ที่ระดับ 2,180 ดอลลาร์ โดยสามารถตั้งจุด TP ได้ที่บริเวณ 2,130 ดอลลาร์ และตั้งจุด SL
ก่อนหน้านี้ เรามีการประเมินว่า ให้รอเข้าเทรด BUY NASDAQ (US500) ที่ระดับ 17,200 จุด โดยสามารถตั้งจุด TP ได้ที่บริเวณ 19,300 จุด และตั้งจุด SL
ก่อนหน้านี้ เรามีการประเมินว่า ให้รอเข้าเทรด BUY S&P 500 (US500) ที่ระดับ 4,850 จุด โดยสามารถตั้งจุด TP ได้ที่บริเวณ 5,200 จุด