1. FBS >
  2. บล็อก FBS >
  3. การวิเคราะห์ทางเทคนิคในการเทรด Forex
อัปเดทแล้ว • 2023-07-31

การวิเคราะห์ทางเทคนิคในการเทรด Forex

cover.png

ในการที่จะเป็นเทรดเดอร์ Forex มืออาชีพ คุณควรเรียนรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและวิธีการนำไปใช้ในการเทรดของคุณ ด้วยการใช้เครื่องมือทางเทคนิคต่าง ๆ เทรดเดอร์ Forex สามารถสำรวจกราฟของคู่สกุลเงินต่าง ๆ โดยละเอียด และกำหนดตัวเลือกการซื้อขายที่ดีที่สุดสำหรับการเทรดสกุลเงิน บทความนี้จะสำรวจเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคเบื้องต้น โดยแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของมันในการเทรด

การวิเคราะห์ทางเทคนิคในตลาด Forex คืออะไร?

การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะครอบคลุมถึงเครื่องมือและการดำเนินการต่าง ๆ ที่เทรดเดอร์ใช้ในการทำนายพฤติกรรมของตลาดโดยอิงจากข้อมูลในอดีตของตลาด

ในตลาด Forex การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นแนวคิดของการประเมินตลาด Forex ตามการเปลี่ยนแปลงในอดีต การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะพยายามช่วยนักวิเคราะห์ทางเทคนิคและเทรดเดอร์ในการกำหนดทิศทางถัดไปของราคาของคู่สกุลเงิน นักวิเคราะห์เชื่อว่าตลาดเป็นวัฏจักร และพฤติกรรมของตลาดเป็นสิ่งที่สามารถคาดการณ์ได้

นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจะทำการสำรวจข้อมูลการซื้อขายก่อนหน้า ซึ่งแตกต่างจากนักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานที่จะศึกษาข่าวการเงินและธุรกิจ ข่าวลือ ผลประกอบการของบริษัท และปัจจัยต่าง ๆ ทางการเมือง การเทรดทางเทคนิคดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้การใช้เส้นทแยงมุมและเส้นแนวนอนในการระบุแนวรับและแนวต้าน คนที่ชอบใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะอาศัยกราฟ รูปแบบ และตัวบ่งชี้ของตลาด Forex

จะใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคในตลาด Forex ได้อย่างไร?

การรวมการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานเข้าด้วยกันนั้นเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้เกี่ยวกับตลาดสำหรับการเทรด ในขณะที่ทำการตรวจสอบข้อมูลทางสถิติ เช่น การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อ สถานการณ์ทางการเมือง และปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเงินอื่น ๆ ที่มีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน การใช้เครื่องมือทางเทคนิคเพื่อกำหนดความเคลื่อนไหวในอนาคตของตลาด Forex และได้รับประโยชน์จากมันก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน

เดี๋ยวเรามาพูดถึงเครื่องมือหลัก ๆ ของการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ช่วยให้เทรดเดอร์ Forex สามารถตรวจสอบกราฟของคู่สกุลเงินได้อย่างละเอียดเพื่อโอกาสในการเข้าเทรดที่ดีที่สุด

2.png

ระดับแนวรับและแนวต้านเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคขั้นพื้นฐาน

เมื่อคุณเริ่มใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคในตลาด Forex คุณควรเรียนรู้เรื่องแนวรับและแนวต้านก่อน ระดับเหล่านี้จะแสดงจุดที่ราคาหยุดเคลื่อนไหวในทิศทางหนึ่งแล้วกลับตัว ซึ่งมันจะช่วยให้คุณเข้าใจแนวโน้มของตลาดและสัญญาณซื้อขาย และวางกลยุทธ์ในอนาคตของคุณ

แนวรับ

แนวรับคือระดับราคาที่มีความเป็นไปได้สูงว่าแนวโน้มขาลงจะสิ้นสุดเนื่องจากการกระจุกตัวของอุปสงค์ เมื่อราคาที่ลดลงชนกับแนวรับบนกราฟ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ราคาจะดีดตัวกลับขึ้นในทิศทางขาขึ้น

ตัวอย่างเช่น คุณทำการเทรดระยะสั้นในคู่สกุลเงิน EURUSD และคู่สกุลเงินดังกล่าวก็ลดลงตามที่คุณต้องการ ในที่สุด ราคาก็มาถึงระดับแนวรับที่ได้ทดสอบไปแล้วและรับราคาเอาไว้ได้ก่อนหน้านี้ ณ จุดนี้ มันอาจเป็นโอกาสที่ดีในการปิดคำสั่งซื้อขายโดยคาดว่าจะมีการกลับตัวจากจุดต่ำสุด

แนวต้าน

ในทางกลับกัน แนวต้านคือระดับราคาที่การพุ่งขึ้นมีแนวโน้มว่าจะหยุดลงเนื่องจากการกระจุกตัวของอุปทาน เมื่อราคาขยับขึ้นและพบกับจุดลังเล มันก็จะค้นพบแนวต้านและอาจเด้งไปในทิศทางที่เป็นขาลง

ตัวอย่างเช่น คุณถือสถานะ Long ใน USDCAD ที่ราคากำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากนั้น คุณจะสังเกตเห็นว่าการเคลื่อนไหวของราคาหยุดลงที่แนวต้านที่ขีดเอาไว้ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการปิดคำสั่งซื้อขายที่ผลลัพธ์ยังคงเป็นบวก

เส้นแนวโน้ม

เส้นแนวโน้มเป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค ในกราฟ เส้นแนวโน้มคือเส้นทแยงมุมที่เฉียงขึ้นหรือเฉียงลงตามการเคลื่อนไหวของราคา ซึ่งสามารถวาดได้โดยการลากเส้นเชื่อมต่อจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดของการเคลื่อนไหวของราคา เส้นแนวโน้มจะแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวของราคาในทิศทางเดียวซึ่งเรียกว่า แนวโน้ม และเส้นแนวโน้มก็มีหลายประเภทที่คุณสามารถนำมาใช้ได้ในตลาด Forex

เส้นแนวโน้มขาขึ้น

เส้นแนวโน้มขาขึ้นเป็นเส้นตรงที่เคลื่อนตัวขึ้นและเชื่อมต่อกับจุดต่ำสุดของแท่งเทียนที่กำลังยกตัวขึ้นในช่วงขาขึ้น เส้นที่เฉียงขึ้นนี้จะจำกัดแนวโน้มขาขึ้นจากด้านล่างและทำหน้าที่เป็นแนวรับของการเคลื่อนไหวของราคา เส้นจะยกตัวสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่มุมเฉียงจะแตกต่างกันไปตามความแข็งแกร่งของแนวโน้ม ซึ่งยิ่งเส้นเฉียงทำมุมแหลมมากเท่าไร แนวโน้มก็จะยิ่งเด่นชัดน้อยลงเท่านั้น

ตลาดกระทิงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการเปิดสถานะ Long คุณสามารถซื้อคู่สกุลเงินโดยคาดหวังว่าราคามีแนวโน้มสูงมากที่จะพุ่งสูงขึ้น และในที่สุด คุณจะอยู่ในตำแหน่งที่ทำกำไรได้

การสิ้นสุดของแนวโน้มขาขึ้นจะเกิดขึ้นหลังจากที่ราคาทะลุใต้เส้นแนวโน้มขาขึ้นลงมา แล้วเริ่มร่วงลง สิ่งนี้เรียกว่าการพุ่งทะลุเป็นขาลง (bearish breakdown)

2160-bullish.png

เส้นแนวโน้มขาลง

เส้นแนวโน้มขาลงคือเส้นตรงที่อยู่ตรงกันข้ามกับเส้นแนวโน้มขาขึ้น และทำหน้าที่เป็นแนวต้าน เส้นแนวโน้มขาลงจะแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวของราคาในช่วงขาลง พวกมันจะถูกวาดเหนือแท่งเทียนของราคาและเริ่มต้นจากแท่งเทียนแท่งแรกของโมเมนตัมขาขึ้นและจะถูกลากต่อไปยังแท่งเทียนอีกแท่ง แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่ราคาที่ต่ำลง

แนวโน้มขาลงจะแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในแง่ร้ายของตลาดเกี่ยวกับอนาคตของคู่สกุลเงินในตอนที่เทรดเดอร์เริ่มเทขายสกุลเงินเพื่อทำกำไรจากการลดลงของราคา

2160-bearish.png

แนวโน้มออกข้าง (ไซด์เวย์)

เส้นแนวโน้มประเภทที่สามจะเกิดขึ้นเมื่ออุปสงค์และอุปทานเกือบจะเท่ากัน แนวโน้มออกข้างจะแสดงให้เห็นว่าไม่มีการเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวที่เด่นชัด

เทรดเดอร์ Forex หลายคนเรียกแนวโน้มออกข้างว่าแบนหรือแฟลต (flat) ซึ่งมันจะมีสิ่งที่เรียกว่าความเงียบในตลาดในตอนที่เทรดเดอร์จำนวนมากต้องการรอการเคลื่อนไหวของราคาที่เฉพาะเจาะจง ธรรมชาติของสถานะตลาดนี้ทำให้เทรดเดอร์แนวโน้มต้องผิดหวัง อย่างไรก็ตาม คุณอาจพบกับมืออาชีพบางคนที่ทำกำไรจากแนวโน้มออกข้างนี้ด้วยการใช้กลยุทธ์การเทรดแบบ scalping เนื่องจากแนวโน้มออกข้างนั้นเป็นปรากฏการณ์ปกติในตลาด Forex และเกิดขึ้นในทุกคู่สกุลเงิน เราจึงขอแนะนำให้เรียนรู้วิธีใช้สถานการณ์การเทรดนี้ให้เป็นประโยชน์

2160-sideways.png

ตัวบ่งชี้การวิเคราะห์ทางเทคนิคของตลาด Forex

สำหรับเทรดเดอร์ Forex ที่ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะพึ่งพาตัวบ่งชี้ต่าง ๆ ในการเทรดของพวกเขา ตัวบ่งชี้การวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทตามเวลาของสัญญาณที่ให้

ตัวบ่งชี้นำ (Leading indicators)

ตัวบ่งชี้นำจะทำหน้าที่เป็นตัวบ่งชี้การเปลี่ยนแปลงในอนาคตของตลาดและใช้ในการทำนายกิจกรรมราคา ตัวบ่งชี้เหล่านี้จะให้สัญญาณก่อนที่จะเกิดการกลับตัวตามที่คาดไว้บนกราฟ ข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุดของตัวบ่งชี้นำคือพวกมันสามารถแจ้งให้คุณทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับการกลับตัวของการเคลื่อนไหวของราคาที่กำลังจะเกิดขึ้น เพื่อจะได้นำมาประกอบการวางแผนการเทรดของคุณ

อย่างไรก็ตาม ตัวบ่งชี้นำก็เชื่อถือไม่ได้ถึง 100% และมักจะให้สัญญาณที่ผิดพลาด นั่นเป็นเหตุผลที่เทรดเดอร์ Forex ควรใช้ตัวบ่งชี้นำร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ ในกิจวัตรการซื้อขายประจำวันของพวกเขา

ตัวบ่งชี้นำที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ Relative Strength Index (RSI), Stochastic Oscillator และ Williams %R

ตัวบ่งชี้ตาม (Lagging indicators)

เราสามารถเรียกตัวบ่งชี้ตามว่าเป็นตัวบ่งชี้ที่ยืนยันแนวโน้มได้ เนื่องจากพวกมันจะให้สัญญาณทันทีหลังจากที่เหตุการณ์ปรากฏในกราฟเพื่อยืนยัน ตัวบ่งชี้ประเภทนี้มีอัตราความสำเร็จของสัญญาณที่ค่อนข้างสูง แต่ในขณะเดียวกัน เทรดเดอร์จะเปิดคำสั่งซื้อขายได้ช้ามาก นั่นเป็นเหตุผลที่เทรดเดอร์มีแนวโน้มที่จะพลาดการเคลื่อนไหวส่วนใหญ่ของราคา

ตัวบ่งชี้ตามที่แพร่หลายที่สุดคือ Moving Averages (simple, exponential, volume-weighted, displaced ฯลฯ), Parabolic SAR และ Moving Average Convergence Divergence (MACD)

ไม่มีตัวบ่งชี้ใดที่จะแม่นยำได้เสมอไป ดังนั้นจึงเป็นความคิดที่ดีที่จะใช้การยืนยัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเปิดคำสั่งซื้อขายจากสัญญาณของตัวบ่งชี้นำด้วยตำแหน่งขนาดเล็กก่อน แล้วค่อยเพิ่มตำแหน่งที่ใหญ่ขึ้นหลังจากที่ตัวบ่งชี้ตามให้การยืนยัน

รูปแบบกราฟการวิเคราะห์ทางเทคนิค

รูปแบบกราฟการวิเคราะห์ทางเทคนิคคือชุดของการเคลื่อนไหวของราคาที่สร้างรูปทรงเรขาคณิตที่เฉพาะเจาะจงบนกราฟ และทำให้สามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวต่อไปของราคาในตลาดที่มีความเป็นไปได้สูง รูปแบบกราฟจะช่วยให้เทรด Forex ได้ง่ายขึ้น พวกมันจะช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจได้อย่างสมเหตุสมผลในการเทรด ข้อเสียหลัก ๆ ของรูปแบบกราฟคือการรับรู้ที่ไม่เท่ากันของผู้ที่เห็นมัน ดังนั้น ในกราฟเดียวกัน เทรดเดอร์ที่ช่ำชองสามารถกำหนดรูปแบบที่ไม่ธรรมดาแล้วทำกำไรได้ ในขณะที่เทรดเดอร์มือใหม่อาจเห็นแค่รูปแบบมาตรฐานแล้วพ่ายแพ้ไป

รูปแบบกราฟมีสองประเภทหลัก ๆ ได้แก่

  • รูปแบบการกลับตัว รูปแบบกราฟดังกล่าวจะบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มที่กำลังดำเนินอยู่ของตลาด เราจะพิจารณารูปแบบกราฟกลับตัวที่เชื่อถือได้ 5 รูปแบบ ได้แก่ double top, double bottom, triple bottom, wedges, head and shoulders, symmetrical triangle และ triple top

2160-chart_patterns1.png

  • รูปแบบกราฟต่อเนื่อง ประเภทของรูปแบบกราฟที่แสดงถึงความต่อเนื่องในอนาคตของแนวโน้มที่กำลังดำเนินอยู่ รูปแบบกราฟต่อเนื่องที่เป็นที่นิยมมากที่สุด ได้แก่ flags, rectangles และ wedges (อาจเป็นได้ทั้งรูปแบบการกลับตัวหรือต่อเนื่อง)

2160-candle_patterns2.png

เทรดเดอร์ควรจำไว้ว่าตลาด Forex นั้นเปิดตลอดเวลา และปกติแล้วราคาปิดของวันหนึ่งก็จะเป็นราคาเปิดของวันถัดไป

รูปแบบแท่งเทียน

ในตลาด Forex รูปแบบแท่งเทียนคือแท่งเทียนเดี่ยวหรือการก่อตัวของแท่งเทียนหลายแท่งที่แสดงการเคลื่อนไหวของราคาและให้ภาพรวมของกิจกรรมการซื้อขาย รูปแบบแท่งเทียนต่าง ๆ จะเต็มไปด้วยข้อมูล และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกมันเป็นที่นิยมในหมู่เทรดเดอร์ Forex นอกจากนี้ เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคนี้ยังไม่มีความซับซ้อนและเหมาะกับเทรดเดอร์มือใหม่อีกด้วย

รูปแบบแท่งเทียนมีสองประเภทหลัก ๆ คือ กลับตัวและต่อเนื่อง

  • รูปแบบแท่งเทียนกลับตัว คือ แท่งเทียนที่วางในลักษณะที่แสดงให้เห็นถึงการสิ้นสุดของแนวโน้มในปัจจุบันและสนับสนุนอีกแนวโน้มหนึ่ง เทรดเดอร์จะพบกับรูปแบบแท่งเทียนต่าง ๆ ได้แก่ hammer, hanging man, engulfing, morning star, shooting star, และ evening star
  • รูปแบบแท่งเทียนต่อเนื่อง คือ แท่งเทียนที่แสดงว่าแนวโน้มระยะสั้นที่อิงกับแท่งเทียนก่อนหน้าบางส่วนจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน รูปแบบแท่งเทียนต่อเนื่องบางส่วนที่เชื่อถือได้ ได้แก่ deliberation, concealing baby swallow, mat hold และ method

รูปแบบแท่งเทียนเป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับเทรดเดอร์ Forex นักวิเคราะห์ทางเทคนิคเชื่อว่าคุณสามารถเรียนรู้ได้เยอะมากจากรูปแบบที่สรุปมาอย่างรวบรัดนี้ เพื่อทำนายอารมณ์ตลาดในอนาคตและรับประโยชน์จากมัน

สรุป

สรุปแล้ว การวิเคราะห์ทางเทคนิคในการเทรด Forex เป็นวิธีการตรวจสอบตลาดที่ไม่อาจแทนที่ได้ด้วยสิ่งอื่นใด สภาพคล่องสูงในตลาด Forex นั้นเกี่ยวข้องกับจำนวนผู้เข้าร่วม ปริมาณการซื้อขาย และความไวของตลาดต่อสถานการณ์และแนวโน้มที่แตกต่างกันจะหมายถึงตลาด Forex เป็นตลาดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและมีแนวโน้มที่จะเกิดรูปแบบซ้ำ ๆ การวิเคราะห์ทางเทคนิคของตลาด Forex มีประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์ในการทำนายทิศทางการเคลื่อนไหวของราคา ซึ่งจะให้ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการเข้าและออกจากตลาด มันจะประกอบด้วยหลายเครื่องมือและตัวบ่งชี้ที่เปิดโอกาสมากมายสำหรับการเทรดที่ประสบความสำเร็จ

คู่มือและคำแนะนำของเราจะช่วยให้คุณได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคและแง่มุมอื่น ๆ ของการเทรด เข้าร่วมกับเราและสร้างเส้นทางการเทรดของคุณกับ FBS!

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

เทรดเดอร์มืออาชีพใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคหรือไม่?

การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นวิธีการที่ทั้งเทรดเดอร์ผู้ใช้ปัจจัยพื้นฐานและเทคนิคต่างก็นำมาใช้งาน เทรดเดอร์ผู้ใช้ปัจจัยพื้นฐานจำนวนมากจะยืนยันการตัดสินใจของตนในการเปิดคำสั่งซื้อขายหลังจากที่ได้พิจารณารูปแบบกราฟและเครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่น ๆ แล้วเท่านั้น

จะเรียนรู้การวิเคราะห์ทางเทคนิคได้อย่างไร?

  1. เรียนรู้แนวคิดพื้นฐานและเครื่องมือพื้นฐานของการวิเคราะห์ทางเทคนิค
  2. นำความรู้ของคุณไปใช้จริงในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุม
  3. ลงมือเทรดจริง
  4. หมั่นพัฒนาความรู้ด้านการวิเคราะห์ทางเทคนิคของคุณไปเรื่อย ๆ

ประเภทของการวิเคราะห์ในตลาด Forex มีอะไรบ้าง?

โดยทั่วไปแล้ว การวิเคราะห์ตลาด Forex จะแบ่งออกเป็นสามประเภท: ปัจจัยพื้นฐาน, ปัจจัยทางเทคนิค, และความเชื่อมั่นตลาด

  • 1217

ประกาศการเก็บรวบรวมข้อมูล

FBS เก็บรักษาข้อมูลของคุณไว้เพื่อใช้งานเว็บไซต์นี้ เมื่อกดปุ่ม "ยอมรับ" ถือว่าคุณยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเรา

โทรกลับ

ผู้จัดการของเราจะโทรหาคุณในเร็ว ๆ นี้

เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์

เราได้รับคำร้องของคุณแล้ว

ผู้จัดการของเราจะโทรหาคุณในเร็ว ๆ นี้

คำขอโทรกลับครั้งต่อไปสำหรับหมายเลขโทรศัพท์นี้
จะพร้อมใช้งานใน

หากคุณมีปัญหาเร่งด่วนโปรดติดต่อเราผ่านทาง
สนทนาออนไลน์

เกิดข้อผิดพลาดภายใน กรุณาลองใหม่อีกครั้งในภายหลัง

อย่ามัวเสียเวลา - ติดตามดูว่า NFP ส่งผลกระทบอย่างไร ต่อ USD แล้วทำกำไรเลยสิ!

คุณกำลังใช้เบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่ากว่านี้

อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดหรือลองใช้เพื่อการเทรดที่สะดวกสบายและมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น

Safari Chrome Firefox Opera