6 เรื่องเล่าเกี่ยวกับการซื้อขาย Forex ที่พบมากที่สุด
ที่นี่เราได้รวบรวมเรื่องเล่าที่น่าสนใจที่สุดเกี่ยวกับการซื้อขาย Forex บางคนอาจเคยรู้มาจากที่อื่นแล้ว แต่เราตัดสินใจที่จะเล่าด้วยคำอธิบายง่ายๆสำหรับผู้ที่อาจจะกลัวรายละเอียดที่ดูเป็นวิชาการมากเกินไป
คุณเชื่อในเรื่องเล่าเหล่านั้นหรือไม่? โปรดอ่านและแจ้งให้เราทราบว่าคุณคิดอย่างไรในความคิดเห็นด้านล่าง
#1 คุณสามารถได้รับผลกำไร 100%
การสูญเสียเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการซื้อขาย และเทรดเดอร์/ระบบทุกรายอาจประสบปัญหาดังกล่าว แต่น่าเสียดายที่ความสมบูรณ์แบบนั้นไม่มีอยู่จริงเพราะแม้แต่เทรดเดอร์รายใหญ่ที่สุดก็สูญเสียเงินเช่นกัน มีผู้เข้าร่วมนิรนามนับพันคนในตลาด แต่ละคนมีเป้าหมายของตัวเองที่คุณไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ เทรดเดอร์มักจะผิดพลาดก็ต่อเมื่อเขาไม่ปฏิบัติตามแผนการของตนโดยไม่คำนึงถึงผล (ชนะหรือขาดทุน) ของการเทรด
มันเป็นเพียงความเป็นไปได้เดียวของการสูญเสียที่สร้างโอกาสที่เกิดขึ้นสำหรับผู้ชนะ หากปราศจากความเสี่ยงบางประเภท คุณก็ไม่สามารถทำกำไรได้ หากคุณเรียนรู้ปัจจัยพื้นฐาน, พัฒนากลยุทธ์ที่ดี, ซื้อขายตามกลยุทธ์และจัดการความเสี่ยงได้ - บัญชีของคุณจะเติบโตขึ้น
#2 ระบบที่ดีสามารถโอนย้ายไปยังระยะเวลาที่แตกต่างกันได้และยังคงมีผลกำไรอยู่
ตลาดอาจเป็น 'fractal' บางส่วนแต่รูปแบบราคาใน timeframes ที่ยาวขึ้นมีคุณภาพแตกต่างกับที่อยู่ใน timeframes สั้นๆ นี่อาจเกิดจากปัจจัยดังกล่าว เช่น เศรษฐศาสตร์มหัพภาค, cross section ของผู้เข้าร่วมตลาด, การรวมกลุ่มเฉลี่ยที่มากขึ้น, สภาพคล่องที่จำเป็นสำหรับผู้เล่นรุ่นเฮฟวี่เวท, ผลกระทบที่เกี่ยวข้องจากการประกาศข่าว, การพิจารณาช่วงเวลา ฯลฯ คุณไม่สามารถเปลี่ยน timeframes ของกลยุทธ์ได้และไม่สามารถคาดหวังว่ามันจะเวิร์คกับผลเดียวกันได้
# 3 การหวังพึ่งโชคไปเรื่อยๆเป็นความคิดที่ดีหรือไม่?
จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆพิสูจน์ได้ว่าหากคุณทำกำไรได้ ในครั้งต่อไปคุณจะมีโอกาสทำกำไรได้น้อยลงเรื่อยๆ การล้มเลิกเพียงเพราะคุณมีรายได้ (เพื่อหลีกเลี่ยง "การหวังพึ่งโชคไปเรื่อยๆ") เกิดจากความกลัวในเรื่องโชคลาง เทรดเดอร์นับล้านรายได้รับผลกำไรและขาดทุนอยู่ทุกวัน ตลาดจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเพียงเพราะแค่เทรดเดอร์คนๆเดียว
พูดง่ายๆ คือมีโอกาสที่คุณจะได้รับเพิ่มขึ้นหรือลดลงเช่นเดียวกับที่มีในเวลาอื่น พฤติกรรมทางการตลาดและความน่าจะเป็นจะไม่เปลี่ยนแปลงเพียงเพราะคุณมีแนวชนะหรือแพ้
# 4 ควรจะเน้นไปที่หนึ่งหรือสองคู่หลัก
มันเหมาะสำหรับคนบางคน แต่นักลงทุนที่มีประสบการณ์ส่วนมากจะแนะนำให้คุณกระจายหลักทรัพย์เพื่อช่วยจัดการความเสี่ยงและเป็นประโยชน์ในการซื้อขาย
ตัวอย่างเช่น การจับคู่สกุลเงินที่มีความสัมพันธ์เชิงลบมากที่สุด (แข็งแรงที่สุดเจอกับอ่อนแอที่สุด) จะให้โอกาสที่ดีที่สุดในการจับการเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งและเป็นระเบียบเรียบร้อย
ตัวอย่างเช่นถ้า GBP/USD และ USD/JPY มีแนวโน้มสูงขึ้น จากนั้น GBP > USD > JPY ดังนั้น GBP/JPY จะมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ
# 5 การเพิ่มตัวกรองลงในแผนภูมิจะช่วยปรับปรุงการซื้อขายของคุณได้
ตัวบ่งชี้ทั้งหมดจะได้รับจากราคา (และในบางกรณีจะได้จาก volume) มันหมายความว่าการเพิ่มตัวชี้วัดใน timeframe เดียวกันจะไม่จำเป็นต้องให้การยืนยันที่เป็นอิสระและไม่เพิ่มมูลค่าเช่นกัน ในท้ายที่สุดเทรดเดอร์จะต้องเข้าสู่การค้ากับเทียนบางแท่งและสามารถเข้าสู่แท่งเทียนก่อนหน้านี้หรือแท่งเทียนถัดไปเพียงแค่ปรับเทียบตัวชี้วัดใดๆ ที่มีอยู่
ตัวชี้วัดที่ไม่เป็นเส้นตรง (ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อลด lags และ overshoots โดยไม่กระทบต่อความราบรื่น) ไม่จำเป็นต้องดีกว่าตัวบ่งชี้ทั่วไป การพยายามเข้าสู่ตลาดก่อนหน้านี้อาจนำไปสู่รายการที่มีการปรับฐานเล็กน้อยในแนวโน้มมากกว่าการกลับตัวแบบเต็มรูปแบบที่อยากให้มี
# 6 การเคลื่อนไหวของราคาทั้งหมดเป็นแบบสุ่ม
เทรดเดอร์และนักวิเคราะห์จำนวนมากต่อสู้กับเรื่องนี้ในบางประเด็น บางครั้งก็ดูเหมือนว่าสิ่งที่คุณทำอะไรก็ตาม ตลาดจะไม่อาจคาดการณ์ได้ หลายคนตกอยู่ในกับดักของความคิดนี้แต่เราจะยังคงมีเหตุผลและพยายามวิเคราะห์ว่าจะเป็นอย่างไรหากมันเป็นจริง
ลองนึกภาพว่าการวิเคราะห์ทุกประเภทจะไร้ประโยชน์ ระบบทั้งหมดจะมีความคาดหวังในระยะยาวเป็นศูนย์ P/L ทุกตัวจะเป็นการสุ่มโดยสมบูรณ์และเทรดเดอร์ทุกคนก็จะเกิดความสูญเสีย มันฟังดูแย่แต่ในขณะเดียวกันมันก็ไม่ใช่เรื่องจริง
ผู้ค้าที่มีความเชี่ยวชาญหลายคนรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ใช่ความจริง แต่ขอรวบรวมหลักฐานบางอย่างที่ไม่ใช่การสุ่มสำหรับผู้ที่สงสัย:
- การเพิ่มขึ้นของราคาอย่างรวดเร็วเกิดขึ้นหลังจากการประกาศข่าว
- การรักษาเสถียรภาพด้านราคา/การทำกำไรที่มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในช่วงที่มีข่าวเกิดขึ้น
- เทรดเดอร์มักจะวาง stops ของพวกเขาไว้นอก swing points
- ความผันผวนดังกล่าวมักลดลงอย่างมากเนื่องจากตลาดกำลังรอการประกาศข่าวใหญ่และอื่นๆ
อย่างไรก็ตามความจริงที่ว่าไม่มีการสุ่มเกิดขึ้นไม่ได้หมายความว่าเทรดเดอร์สามารถใช้ประโยชน์จากตัวเองได้เสมอไป Spikes ที่เกิดขึ้นทันทีที่มีการประกาศข่าวถือเป็นตัวอย่างหนึ่ง
ข้อความที่ว่า "การเคลื่อนไหวของราคาทั้งหมดเป็นแบบสุ่ม" นั้นเป็นเรื่องเท็จ มันได้รับการพิสูจน์และมีความสามารถทางคณิตศาสตร์ในำการทำกำไรได้อย่างเป็นระบบจากการซื้อขาย สิ่งที่อาจดูเหมือนว่าเป็นแบบสุ่มตั้งแต่แรกเห็นนั้นแท้จริงแล้วอาจเกิดจากการขาดข้อมูลหรือความรู้ก็เป็นได้