ในการซื้อขาย เราสามารถพึ่งพาสัญญาณเข้าที่แตกต่างกันมากมายได้
ตัวอย่างและคำจำกัดความของแผนการซื้อขาย Forex
อัปเดทแล้ว • 2024-06-05
การเทรดนั้นมีความซับซ้อนหลายระดับ เริ่มจากที่ง่ายที่สุด เช่น การซื้อและขายสินทรัพย์แบบสุ่ม ไปจนถึงระดับที่ต้องใช้ความเข้าใจมากขึ้น ที่ต้องมีการจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ, จังหวะเวลา, และการตั้งเป้าหมาย เมื่อรวมกันแล้ว มันก็คือสิ่งที่เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จทุกคนต้องมี ดังนั้นเราจึงได้ตัดสินใจที่จะมาอธิบายทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับกฎที่คุณควรปฏิบัติตามเพื่อการเทรดที่ดี
แผนการซื้อขายคืออะไร
แผนการซื้อขาย คือชุดของกฎที่เทรดเดอร์ควรปฏิบัติตามเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของพวกเขา ซึ่งมันจะรวมถึงจังหวะเวลา, ความเสี่ยงที่ยอมรับได้, ขนาดของคำสั่งซื้อ, และจุดเข้า/ออก นอกจากนี้ แผนการซื้อขายมักจะมีการร่างถึงวิธีการจัดการตำแหน่งที่เปิดอยู่, หลักทรัพย์ใดบ้างที่พวกเขาสามารถเทรดได้, และกฎเกณฑ์อื่นๆที่อาจเป็นประโยชน์
บางคนอาจคิดว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องมีแผนการซื้อขายเพื่อให้ทำการซื้อขายได้ดี ในกรณีที่โชคดี คนเหล่านี้จะทำกำไรไปได้ซักระยะ อย่างไรก็ตาม การขาดแผนการซื้อขายมักจะนำไปสู่ความสูญเสียอย่างรุนแรง เนื่องจากเทรดเดอร์จะมีปัญหาในการควบคุมอารมณ์ในช่วงที่มีความผันผวนที่รุนแรงในตลาดหรือหลังจากที่ชนะ/แพ้มาหลายครั้ง
จริงๆแล้วผู้เชี่ยวชาญด้านการเทรดแนะนำให้ทำการซื้อขายด้วย บัญชีทดลอง ไปจนกว่าจะสามารถวางแผนการซื้อขายได้ ด้วยวิธีนี้ คุณจะสามารถรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อขายได้อย่างเพียงพอโดยไม่ต้องมีแผนที่จะไปทำความเข้าใจถึงความสำคัญของมัน
ทำความเข้าใจเรื่องแผนการซื้อขาย
แผนการซื้อขายจะเป็นการรวมกฎต่างๆในการซื้อขายเข้าด้วยกันแล้วสร้างเป็นขั้นตอนที่คุณจะปฏิบัติตาม ดังนั้น เป้าหมายพื้นฐานของแผนคือการช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายส่วนตัวในการซื้อขาย สมมติว่าเป้าหมายอันดับ 1 ของคุณคือการป้องกันการสูญเสียอย่างรุนแรง จากนั้น แผนการซื้อขายของคุณควรมีส่วนที่คุณหยุดทำการซื้อขายแล้วพักหลังจากที่แพ้หลายครั้งติดๆกัน หรือคุณจะเปลี่ยนกลยุทธ์การซื้อขายของคุณไปเลยก็ได้ ซึ่งก็ถือว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการซื้อขายเช่นกัน
แผนการซื้อขายอาจใช้เวลานานและมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันมากมาย แต่แผนการซื้อขายที่เรียบง่ายก็ไม่ได้แย่เสมอไป หากคุณลงทุนมานานแล้ว คุณสามารถจำกัดจำนวนเงินที่คุณยินดีจะลงทุนเป็นรายเดือนได้, คาดหวังผลตอบแทนของคุณได้, และระบุสิ่งที่คุณต้องทำในกรณีที่ขาดทุนเป็นเวลานาน แผนนี้จะได้ผลดีโดยเฉพาะในตลาดหุ้นระดับโลกซึ่งมีแนวโน้มเติบโตเมื่อเวลาผ่านไป อย่างไรก็ตาม แผนการซื้อขายนี้ไม่ได้มีการจำกัดเวลา ซึ่งหมายความว่ามีความเป็นไปได้ที่จะต้องถือครองสินทรัพย์เป็นเวลาหลายปีหรือหลายสิบปีก่อนที่จะได้เห็นผลกำไรใดๆ
ในอีกด้านหนึ่ง ผู้ที่เทรดสวิงเทรดและเดย์เทรดต่างก็มีแผนระยะยาวซึ่งในนั้นจะรวมถึงข้อกำหนดต่างๆของกิจวัตรการซื้อขาย ด้วยแผนการซื้อขาย เทรดเดอร์จะสามารถกำหนดได้อย่างง่ายดายว่าคำสั่งซื้อนั้นๆคุ้มค่าหรือไม่ ดำเนินการและควบคุมผลลัพธ์ให้อยู่ในระดับสูงสุด แม้ว่าคำสั่งซื้อจะวิ่งไปในทิศทางอื่น แต่ด้วยแผนการซื้อขาย คุณจะสามารถลดความเสี่ยงได้
ตัวอย่างของแผนการซื้อขาย
รูปด้านล่างคือตัวอย่างของแผนการซื้อขายตามแนวโน้ม โปรดทราบว่าแผนนี้ยังไม่ได้รวมส่วนสำคัญอีกหลายอย่างเข้ามา เช่น จังหวะเวลา การจัดการความเสี่ยง จุดออก กรอบเวลา และประเภทของสินทรัพย์ แต่ตัวอย่างนี้ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
แผนการซื้อขายควรเป็นอะไรที่ครบวงจร เราขอแนะนำให้ใส่รายละเอียดลงในแผนของคุณให้มากที่สุดเนื่องจากผลลัพธ์ของคุณจะขึ้นอยู่กับแผนนั้น หากคุณอยู่ในสถานการณ์ที่สั่นคลอน แผนการซื้อขายของคุณควรมีคำแนะนำให้คุณปฏิบัติตามเสมอ
นี่คือหน่วยต่างๆของแผนการซื้อขายที่ได้ถูกเตรียมไว้อย่างดีและครอบคลุม:
- กิจวัตรก่อนเข้าตลาด คุณควรทำอะไรก่อนเริ่มทำการซื้อขาย? ลองอ่านข่าวล่าสุดก่อนแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเลือกซื้อขายสินทรัพย์ใดในวันนี้ ดีไหม? หรือจะลองเข้าไปดูทุกสินทรัพย์ที่คุณซื้อขายแล้วขีดแนวรับและแนวต้านเอาไว้? ในทั้งสองกรณี กิจวัตรก่อนเข้าตลาดจะช่วยให้คุณมีสมาธิกับการซื้อขายและปล่อยวางทุกสิ่งที่อาจทำให้เสียสมาธิ จงสร้างกิจวัตรที่คุณทำตามเพื่อสร้างวินัยและความสม่ำเสมอ แล้วร่างมันไว้ในแผนการซื้อขายของคุณ จากนั้นให้ทำตามขั้นตอนนี้ทุกวัน
- กรอบเวลา. การซื้อขายในกรอบเวลาที่ใหญ่กว่านั้นแตกต่างจากการซื้อขายแบบ scalping ระยะสั้นหรือเดย์เทรด บางกลยุทธ์การซื้อขายอย่างเช่น Gap and Go นั้นมีแนวโน้มที่จะทำงานได้ดีขึ้นในกรอลเวลาเล็กๆอย่าง M5-M15 ในขณะที่บางกลยุทธ์ เช่น การซื้อขายตามแนวโน้ม กลับทำงานได้ดีกว่าใน H4-MN (หนึ่งเดือน) แต่มันไม่ได้หมายความว่าคุณจะเสียเงินจากการที่คุณพยายามจับแนวโน้มในกรอบเวลา M5 แต่มันยากกว่ามากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาด Forex ที่มีการเคลื่อนไหวแบบไซด์เวย์เสียส่วนใหญ่ โปรดทราบว่าเทรดเดอร์บางคนจะใช้ทุกกรอบเวลา แถมยังมองไม่เห็นความแตกต่างระหว่างการซื้อขายใน M5 และ H4 ซึ่งหากคุณเป็นหนึ่งในนั้น คุณสามารถข้ามขั้นตอนนี้และขยับไปยังขั้นตอนถัดไปได้เลย
- การจัดการความเสี่ยง บอกตรงๆเลยว่ามันเป็นส่วนที่มีความสำคัญเพราะการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมจะช่วยป้องกันคุณจากการสูญเสียเงินทั้งหมดของคุณในวันที่แย่ๆ และนำกลยุทธ์การเทรดของคุณไปสู่ระดับใหม่
- ในการปรับปรุงการจัดการความเสี่ยงของคุณ คุณต้องกำหนดว่า drawdown รายวัน - ความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นหลังจากที่คุณหยุดการซื้อขายแล้วเริ่มวิเคราะห์ความผิดพลาดของคุณ ปกติแล้ว เทรดเดอร์จะกำหนด drawdown รายวันที่ 5-10% หลังจากที่พวกเขาหยุดเปิดคำสั่งซื้อในช่วงที่เหลือของวัน
- นอกจากนี้ เทรดเดอร์ควรกำหนดจำนวนเงินที่เขายอมให้สูญเสียได้หนึ่งคำสั่งซื้อ สำหรับผมคือ 3% ของทุนต่อหนึ่งคำสั่งซื้อ แต่เทรดเดอร์ที่ระมัดระวังมากขึ้นมักจะยึดที่ 1% ของทุนต่อคำสั่งซื้อ นั่นหมายความว่าคุณต้องขาดทุน 100 คำสั่งซื้อติดต่อกันถึงจะระเบิดบัญชีของคุณได้ ซึ่งหากกลยุทธ์การซื้อขายของคุณเป็นกลยุทธ์ที่ทำกำไรได้ คุณก็จะไม่มีวันขาดทุน 100 คำสั่งซื้อติดต่อกันเช่นนั้น
- สุดท้าย มันจะเป็นการดีที่สุดถ้าคุณมีอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่เหมาะสม อัตราส่วน R/R จะวัดรายได้ที่คาดหวังและการขาดทุนในการลงทุนและการซื้อขาย ผมขอแนะนำให้ใช้อัตราส่วน R/R อย่างน้อย 1:1.5 ด้วยวิธีนี้ โอกาสในการขาดทุนของคุณในทุกๆคำสั่งซื้อจะเป็น X และกำไรของคุณจะเป็น 1.5X อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์ที่ไม่ได้กำหนดระดับ Stop Loss และ Take Profit ไว้ล่วงหน้าอาจข้ามส่วนนี้ไปหากแผนการซื้อขายของพวกเขาอนุญาตให้ข้ามได้
- กำหนดว่าคุณจะซื้อขายตามแนวโน้มหรือซื้อขายในกรอบ ซึ่งรูปแบบการซื้อขายทั้งสองนี้จะแตกต่างกันอย่างมาก เทรดเดอร์ที่ซื้อขายตามแนวโน้มอาจถือตำแหน่งเปิดไว้นานขึ้นเนื่องจากแนวโน้มมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไป ดังนั้น เทรดเดอร์เหล่านี้อาจมีผลกำไรมากกว่าและมีความเสี่ยงน้อยกว่า ในทางกลับกัน เทรดเดอร์ที่ซื้อขายในกรอบ จะได้รับประโยชน์มากขึ้นจากการเคลื่อนไหวด้านข้างและการสะสมราคา
- ประเภทของตลาด ตลาด หุ้น จะเปิดทำการในช่วงเวลาที่กำหนดเท่านั้น และคุณต้องอยู่หน้าแพลตฟอร์มการซื้อขายของคุณตรงเวลาทุกวันธรรมดา ตลาดสกุลเงินดิจิทัล จะเปิดให้ซื้อขายตลอด 24/7 และคุณไม่ควรเปิดคำสั่งของทิ้งเอาไว้โดยไม่มี Stop Lossเพราะตลาดนี้มันมีความผันผวนสูงมาก ตลาดForex เปิด 24/5 (ไม่เปิดในวันหยุดสุดสัปดาห์) แต่ความผันผวนต่ำกว่า และนั่นยังไม่รวมถึงเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจมหภาคต่างๆที่มีอิทธิพลต่อตลาดเหล่านี้ เลือกสิ่งที่คุณชอบมากที่สุด: การซื้อขายสินทรัพย์ที่คุณสนใจนั้นจะง่ายกว่ามากๆ
- คุณต้องมองหาการเคลื่อนไหวแบบเดียวกันในตลาดและเปิดคำสั่งซื้อเมื่อมันเป็นไปตามที่ถูกเขียนไว้ในแผนการซื้อขายของคุณ มีหลายตัวเลือกสำหรับจุดเข้า:
- จุดที่มีการดึงกลับถือเป็นจุดที่เหมาะในการเปิด buy ในกรณีที่เป็นขาขึ้น
- การทะลุจริงเหมาะกับผู้ที่ต้องการการยืนยันการเคลื่อนไหวที่แน่นอนยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การทะลุหลอกก็เป็นสิ่งที่ต้องระวัง
- หากคุณใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคในการซื้อขายของคุณ เช่น MACD คุณสามารถเปิดคำสั่งซื้อในตอนที่เส้นของตัวบ่งชี้ตัดกัน
- คุณสามารถสร้างสัญญาณเข้าของคุณเองได้ ตัวอย่างเช่น คุณอาจใช้สัญญาณจากไดเวอร์เจนซ์บน RSI oscillator, การถึงแตะระดับ Fibonacci retracement, หรือรูปแบบแท่งเทียน อย่างไรก็ตาม การมีหลายเหตุผลเพื่อเปิดคำสั่งซื้อย่อมดีกว่า ไม่ควรพึ่งพารูปแบบเดียวหรือตัวบ่งชี้ทางเทคนิคเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
- Stop Loss เทรดเดอร์ทุกคนต้องมีแผนหากเกิดเหตุการณ์ที่เลวร้าย คุณสามารถตั้งค่า Stop Loss ก่อนเเปิดคำสั่งซื้อและตราบที่คำสั่งซื้อยังเปิดอยู่ก็ปิดกราฟไปเลย ในทางกลับกัน คุณสามารถตรวจสอบคำสั่งซื้อของคุณและตัดสินใจว่าคุณต้องการออกที่ราคาไหนและเมื่อไหร่ แนวทางนี้มีความเสี่ยงมากกว่า เนื่องจากคุณอาจตัดสินใจด้วยอารมณ์และเสียเงินในคำสั่งซื้อที่อาจทำกำไรได้
- Take Profit หากคุณมีอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน ระยะ take profit ของคุณจะไกลกว่าระยะ Stop Loss ของคุณ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถปิดตำแหน่งของคุณออกไปบางส่วนที่เป้าหมายแรก แล้วย้าย Stop Loss ของคุณไปไว้ที่จุดคุ้มทุน ด้วยวิธีนี้ การเทรดของคุณจะปราศจากความเสี่ยง และคุณสามารถถือคำสั่งซื้อเอาไว้ได้นานขึ้น ซึ่งมันอาจเพิ่มผลกำไรของคุณได้
รูปด้านล่างนี้จะช่วยคุณในการสร้างแผนการซื้อขาย
แผนการซื้อขายเชิงกลยุทธ์หรือเชิงรุก
นักลงทุนจำนวนมากใช้การลงทุนอัตโนมัติเพื่อนำเงินจำนวนหนึ่งไปลงทุนในกองทุนรวมหรือสินทรัพย์อื่นๆในแต่ละเดือน แผนการซื้อขายดังกล่าวเรียกว่าได้ว่าเป็นแผนแบบอัตโนมัติ ถึงแม้ว่ากระบวนต่างๆการจะทำงานด้วยตัวเอง แต่ก็ยังคงต้องเขียนเป็นแผนออกมาอยู่ดี
หากแผนเการซื้อขายระบุเงื่อนไขที่คุณจะมองหาจุดเข้า จะเรียกแผนดังกล่าวว่าเป็นแผนเชิงกลยุทธ์หรือเชิงรุก ซึ่งมันจะแตกต่างจากการลงทุนอัตโนมัติที่นักลงทุนซื้อหลักทรัพย์ในช่วงเวลาปกติ เทรดเดอร์สายกลยุทธ์มักจะมองหาจุดเข้าและจุดออกจากตำแหน่งที่ระดับราคาที่แน่นอนหรือเฉพาะเมื่อเป็นไปตามสิ่งที่กำหนดไว้เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ แผนการซื้อขายเชิงรุกจึงมีรายละเอียดเยอะมาก
เทรดเดอร์ที่ซื้อขายเชิงกลยุทธ์จำเป็นต้องเห็นสิ่งที่ให้สัญญาณเพื่อเปิดคำสั่งซื้อ บางส่วนแต่ไม่ใช่ทั้งหมดจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ทางเทคนิค, อคติทางสถิติ, หรือการประกาศข้อมูลทางเศรษฐกิจ ดังนั้นบท "ตัวอย่างของแผนการซื้อขาย" จึงเป็นเรื่องเกี่ยวกับแผนเชิงกลยุทธ์เพราะมันเหมาะกับเทรดเดอร์มากกว่า
การเปลี่ยนแปลงแผนการซื้อขาย
แผนการซื้อขายที่ดีนั้นจะใช้ได้นานโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลง ปกติแล้วมันจะครอบคลุมทุกสถานการณ์ที่คุณอาจเผชิญในขณะที่กำลังทำงานกับตลาด ดังนั้น คุณไม่ควรเปลี่ยนแผนการซื้อขายของคุณเมื่อคุณเสียติดๆกันหรือมีวันที่แย่เพราะแผนการซื้อขายของคุณจะมีข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการดำเนินการในสถานการณ์เช่นนี้
อย่างไรก็ตาม ในฐานะเทรดเดอร์ เราต้องปรับปรุงและพยายามพัฒนาทักษะและความรู้ของเรา ดังนั้น หากคุณเติบโตจากแผนการซื้อขายเก่า คุณก็ควรพัฒนาแผนดังกล่าวหรือสร้างแผนใหม่ที่สะท้อนถึงมุมมองใหม่ๆของตลาด จงจำไว้ว่าคุณควรอยู่ห่างจากการซื้อขายจนกว่าแผนการซื้อขายใหม่จะพร้อมใช้งาน
ข้อจำกัดในการซื้อขาย
กฎสำคัญของแผนการซื้อขายคือการปฏิบัติตามแผนที่วางเอาไว้ คุณต้องอธิบายทุกขั้นตอนที่คุณต้องทำเพื่อให้ได้กำไร นอกจากนี้ หากแผนการซื้อขายของคุณใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิค คุณสามารถสร้างกลยุทธ์การซื้อขายด้วยอัลกอริธึมได้ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถสร้างโรบ็อตที่ทำตามแผนของคุณทุกขั้นตอน เปิดและปิดคำสั่งซื้อ และแม้กระทั่งหยุดซื้อขายเมื่อเสียอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนการจัดการความเสี่ยงของแผนการซื้อขายของคุณควรระบุวิธีการดำเนินการในกรณีที่เกิดการขาดทุนจำนวนมาก หลังจากที่การซื้อขายไม่ประสบความสำเร็จหลายครั้ง จะเป็นการดีที่สุดหากคุณหยุดทำการซื้อขายแล้วพักจากตลาด สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้ในกรณีนี้คือการวิเคราะห์ว่าเกิดอะไรขึ้น หากคุณทำความผิดพลาดที่นำไปสู่การขาดทุน ให้จดลงในบันทึกการเทรดของคุณและพยายามหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดดังกล่าวในอนาคต หากคุณไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด และตลาดดำเนินการอย่างคาดเดาไม่ได้ ให้ดื่มชาหรือกาแฟสักถ้วยแล้วผ่อนคลาย
ความแตกต่างระหว่างแผนการซื้อขายและระบบการซื้อขาย
ระบบการซื้อขายคือชุดของกฎที่กำหนดสัญญาณซื้อและขายโดยไม่มีองค์ประกอบที่เป็นอัตวิสัย สรุปได้ว่าระบบการซื้อขายจะกำหนดว่าคุณจะเปิดคำสั่งซื้ออย่างไร คุณจะแบ่งคำสั่งซื้อของคุณอย่างไร และคุณจะแบ่งหรือไม่? คุณจะซื้อตอนนี้หรือรออีกหน่อย? ระบบการซื้อขายมีคำตอบให้คุณ
ดังนั้น แผนการซื้อขายจึงเป็นมากกว่าระบบที่บอกคุณว่าเมื่อไหร่ที่คุณควรเข้าและออกจากการซื้อขาย มันเป็นหนังสือสูตรสำหรับทุกความต้องการในการซื้อขายและสถานการณ์ที่คุณอาจพบบนเส้นการซื้อขายของคุณ
สรุป
แผนการซื้อขายจะกำหนดมากกว่าจุดเข้าและออก ฉันเป็นชุดกฎที่ครอบคลุมซึ่งจะให้คำตอบแก่คุณในทุกส่วนของกิจวัตรการซื้อขายของคุณ ไม่มีเทรดเดอร์คนใดที่จะประสบความสำเร็จได้หากปราศจากแผนการซื้อขายที่เหมาะสม จะเป็นการดีที่สุดหากคุณสร้างแผนของคุณเองโดยใช้บทความนี้
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ทำไมแผนการซื้อขายจึงมีความสำคัญ?
แผนการซื้อขายจะให้คำตอบเรื่องการกระทำของคุณในสถานการณ์ต่างๆ หากปราศจากมัน โอกาสในการชนะในตลาดการเงินของคุณก็ต่ำมากๆ
แผนการซื้อขายควรประกอบด้วยอะไรบ้าง?
แผนการซื้อขายควรรวมถึงกิจวัตรก่อนเข้าตลาด, กรอบเวลา, การจัดการความเสี่ยง, เงื่อนไขการซื้อขาย, ประเภทตลาด, จุดเข้า, ระดับ Stop Loss และ Take Profit
แผนการซื้อขายคืออะไรใน Forex?
แผนการซื้อขายคือชุดของกฎต่างๆที่เทรดเดอร์ควรปฏิบัติตามเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ ซึ่งมันจะรวมถึงจังหวะเวลา, ความเสี่ยงที่ยอมรับได้, ขนาดของคำสั่งซื้อ, และจุดเข้า/ออก นอกจากนี้ แผนการซื้อขายมักจะระบุว่าเทรดเดอร์ควรจัดการตำแหน่งอย่างไร หลักทรัพย์ใดที่พวกเขาสามารถซื้อขายได้ และกฎอื่นๆอีกมาก
กฏเหล็กของการซื้อขายคืออะไร?
คุณสามารถทำเงินได้เยอะมากหากคุณมีความสม่ำเสมอ เรียนรู้จากความผิดพลาด และปฏิบัติตามเทคนิคการบริหารความเสี่ยง อย่าลืมเรืองการบริหารความเสี่ยงและคุณจะได้รับรางวัล
คล้ายกัน
รูปแบบกรอบสามเหลี่ยมเป็นรูปแบบการสะสมราคาของราคาสินทรัพย์ที่เคลื่อนไหวภายในช่วงที่แคบลงเรื่อย
เงินดิจิทัลฟรีเป็นรางวัลที่ทุกคนอยากล่า และมันก็มีหลายวิธีที่จะทำเช่นนั้น มาดูกันว่าคุณจะได้รับคริปโตฟรีได้ยังไง!
-
จะเริ่มเทรดอย่างไร?
หากคุณอายุ 18 ปีขึ้นไปคุณสามารถเข้าร่วม FBS ได้และเริ่มต้นการเดินทาง FX ของคุณ ในการซื้อขายคุณจะต้องมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์และมีความรู้ที่เพียงพอเกี่ยวกับวิธีการทำงานของสินทรัพย์ในตลาดการเงิน เริ่มด้วยการศึกษาขั้นพื้นฐานด้วย สื่อการเรียนรู้ฟรี และ สร้างบัญชี FBS คุณอาจต้องการทดสอบสภาพแวดล้อมด้วยเงินเสมือนจริงผ่านบัญชีทดลอง เมื่อคุณพร้อมเข้าสู่ตลาดจริงแล้ว ก็เริ่มทำการซื้อขายเพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จ
-
จะเปิดบัญชี FBS ได้อย่างไร?
คลิกที่ปุ่ม 'เปิดบัญชี' บนเว็บไซต์ของเราแล้วไปที่ Trader Area ก่อนที่คุณจะเริ่มซื้อขายได้ โปรไฟล์ของคุณจะต้องได้รับการยืนยันเสียก่อน ยืนยันอีเมลและเบอร์โทรศัพท์ของคุณ จากนั้นให้ทำการยืนยันตัวตนของคุณ ขั้นตอนนี้จะช่วยรับประกันความปลอดภัยของเงินและตัวตนของคุณ เมื่อคุณผ่านการตรวจสอบทั้งหมดแล้ว ให้ไปที่แพลตฟอร์มการซื้อขายที่ต้องการ แล้วเริ่มซื้อขายได้เลย
-
จะถอนเงินที่ทำได้กับ FBS ได้อย่างไร?
กระบวนการนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนเลย ไปที่หน้า การถอนเงิน บนเว็บไซต์หรือส่วนการเงินของ FBS Trader Area และเข้าไปที่การถอนเงิน คุณจะได้รับเงินที่ทำได้รับผ่านระบบการชำระเงินเดียวกับที่คุณใช้ในการฝากเงิน ในกรณีที่คุณฝากเงินเข้าบัญชีผ่านหลายวิธี ให้ถอนกำไรของคุณผ่านวิธีเดียวกันในอัตราส่วนตามยอดเงินที่ฝากเข้ามา