ภาพรวมตลาด
แม้ว่าราคาทองคำจะปรับตัวลงแรงในช่วงที่ผ่านมา แต่ปัจจัยพื้นฐานหลายประการยังคงสนับสนุนแนวโน้มขาขึ้นในระยะกลางถึงยาว ความต้องการทองคำทั่วโลกเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบรายปีในไตรมาส 3 ตามรายงานของ World Gold Council สะท้อนถึงแรงซื้อสุทธิจากธนาคารกลางที่ขยายตัวกว่า 28% และกระแสเงินทุนไหลเข้ากองทุน ETF ที่มีทองคำค้ำประกันรวมกว่า 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์ นักลงทุนทั่วโลกยังคงมองทองคำเป็น “สินทรัพย์ปลอดภัย” ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกเผชิญแรงกดดัน ทั้งจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ การชะลอตัวของเศรษฐกิจ และแนวโน้มดอลลาร์ที่เริ่มอ่อนค่าลง ปัจจัยเหล่านี้ช่วยประคองอุปสงค์เชิงกลยุทธ์ ทำให้ทองคำสามารถรักษาฐานราคาได้ แม้จะเจอแรงขายทำกำไรระยะสั้นก็ตาม
ขณะเดียวกัน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ติดต่อกันสองครั้ง เป็นสัญญาณชัดว่าแนวนโยบายการเงินกำลังเปลี่ยนผ่านจาก “เข้มงวด” สู่ “ผ่อนคลาย” แม้ประธาน Jerome Powell จะยังไม่ยืนยันการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในเดือนธันวาคม แต่การลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ช่วง 3.75-4% ซึ่งถือว่าต่ำสุดในรอบสามปี ช่วยลดต้นทุนโอกาสของการถือครองทองคำ และส่งสัญญาณถึงความกังวลของเฟดต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ นอกจากนี้ การยุติการลดงบดุล (QT) ตั้งแต่เดือนธันวาคมยังหมายถึงการเพิ่มสภาพคล่องในระบบ ซึ่งโดยทั่วไปมักเอื้อให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้น เพราะนักลงทุนมีแนวโน้มกระจายเงินไปยังสินทรัพย์ที่มีมูลค่าจริงและปลอดภัยมากขึ้น
อีกปัจจัยที่เพิ่มความไม่แน่นอนให้กับตลาดคือความเสี่ยงจาก “ภาวะปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ” ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 4 สัปดาห์ ซึ่งเริ่มส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ นักเศรษฐศาสตร์หลายรายเตือนว่าหากความหยุดชะงักยาวไปถึงกลางเดือนพฤศจิกายน อัตราการเติบโตของ GDP ไตรมาส 4 อาจชะลอตัวลงใกล้ศูนย์หรืออาจเข้าสู่ภาวะติดลบได้ ความเสี่ยงเช่นนี้อาจผลักดันให้เฟดจำเป็นต้องลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมเพื่อประคองเศรษฐกิจ ซึ่งย่อมเป็นบวกต่อทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากภาวะถดถอยและภาวะ stagflation ขณะเดียวกัน แรงซื้อจากธนาคารกลางในเอเชีย โดยเฉพาะจีนและอินเดีย ยังคงแข็งแกร่งและมีแนวโน้มเพิ่มการถือครองทองคำอย่างต่อเนื่อง
ถึงแม้ราคาทองคำจะถูกเทขายเพื่อทำกำไรและปรับตัวลดลงกว่า 11% จากจุดสูงสุดที่เกิดขึ้นเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา แต่แนวโน้มระยะยาวยังคงแข็งแกร่ง ปัจจัยด้านอุปสงค์เพื่อการลงทุนและการอ่อนค่าของค่าเงินหลักทั่วโลกยังคงเป็นแรงผลักดันสำคัญ ขณะเดียวกัน ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะในประเทศพัฒนาแล้ว และความเสี่ยงต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงมากขึ้น ปัจจัยเหล่านี้สะท้อนว่า แม้ราคาจะอยู่ในช่วงพักฐาน แต่ทองคำยังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อในระยะกลาง โดยได้รับแรงหนุนจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายลงอย่างต่อเนื่องและความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยที่ยังคงเหนียวแน่นในตลาดโลก
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
XAUUSD
ราคาทองคำ (XAUUSD) สามารถปรับตัวกลับขึ้นมาได้อีกครั้งหลังจากดีดตัวจากกรอบแนวรับสีแดง ซึ่งเป็นบริเวณที่นักลงทุนให้ความสนใจเป็นพิเศษ การที่ราคาเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับดังกล่าวได้ แสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่ยังคงหนุนทิศทางบวกและช่วยให้ราคายังเคลื่อนไหวอยู่ภายในกรอบเทรนไลน์ขาขึ้นอย่างมั่นคง ภาพรวมตลาดจึงยังคงสะท้อนถึงโมเมนตัมขาขึ้นที่มีเสถียรภาพ โดยมีโอกาสที่ราคาจะปรับตัวขึ้นต่อเพื่อทดสอบแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 4,120 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสำคัญที่ตลาดจับตามอง อย่างไรก็ตาม หากราคาหลุดกรอบแนวรับบริเวณ 3,960 ดอลลาร์ลงมาอย่างชัดเจน จะเป็นสัญญาณเตือนว่าแรงซื้อเริ่มอ่อนแรง โดยแนวรับถัดไปจะอยู่ที่บริเวณ 3,880 ดอลลาร์ ซึ่งอาจกลายเป็นจุดรองรับสำคัญในระยะกลางของแนวโน้มนี้
XAUUSD (DAILY)

