ภาพรวมตลาด
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ยังคงเผชิญแรงกดดันจากภาวะอุปทานล้นตลาดอย่างต่อเนื่อง หลังกลุ่ม OPEC+ เดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน โดยในเดือนพฤศจิกายนปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นอีก 137,000 บาร์เรลต่อวัน แม้ตัวเลขดังกล่าวดูไม่มากนัก แต่เมื่อรวมกับการทยอยคืนโควตาการผลิตของสมาชิก 8 ประเทศที่เคยลดไปกว่า 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ย่อมสร้างแรงกดดันด้านอุปทานในตลาดโลกอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ขณะเดียวกัน ความเห็นที่ไม่เป็นเอกภาพระหว่างซาอุดีอาระเบียกับรัสเซียเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการผลิตในปีหน้า ยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนในตลาด นักลงทุนจึงเริ่มมองว่ากลยุทธ์ “รักษาราคาให้อยู่ในระดับสูง” ของ OPEC อาจเริ่มถูกท้าทายจากเป้าหมายการแย่งส่วนแบ่งตลาด ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงลบต่อราคาน้ำมันในระยะกลาง
นอกจากนั้น แรงกดดันจากฝั่งอุปทานนอกกลุ่ม OPEC ก็ยังคงเป็นอีกปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่ยังเดินหน้าผลิตน้ำมันในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 13.6 ล้านบาร์เรลต่อวันตั้งแต่เดือนกรกฎาคม และสามารถรักษาระดับดังกล่าวไว้ได้ตลอดไตรมาสสาม ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีการขุดเจาะและการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ทำให้ผู้ผลิตสหรัฐฯ สามารถรักษาปริมาณซัพพลายได้ แม้จำนวนแท่นขุดเจาะจะลดลงจากปีก่อนกว่า 60 แท่น การที่อุปทานน้ำมันดิบทั่วโลกเพิ่มขึ้นรวมกว่า 3 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนกันยายน สะท้อนภาพ “ตลาดน้ำมันที่ล้นมือ” อย่างชัดเจน และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลงแตะระดับ 61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 4 ปี
ขณะที่ฝั่งอุปสงค์ ภาพรวมยังคงอ่อนแรงจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะผลกระทบจากข้อพิพาททางการค้าและนโยบายภาษีระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ซึ่งส่งผลให้กิจกรรมภาคการผลิตและการขนส่งทั่วโลกชะลอตัว แม้ OPEC จะคงประมาณการความต้องการใช้น้ำมันโลกปี 2025 ไว้ที่การเติบโต 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่สำนักวิเคราะห์หลายแห่งเริ่มปรับลดคาดการณ์ลง เนื่องจากภาระหนี้สาธารณะที่สูงขึ้นในหลายประเทศ และต้นทุนทางการเงินของภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ปัจจัยเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าด้านอุปสงค์ยังเปราะบาง ในขณะที่อุปทานยังขยายตัวต่อเนื่อง จึงเป็นแรงถ่วงสำคัญต่อราคาน้ำมันในภาพรวม
แม้สำนักงานพลังงานสหรัฐฯ (EIA) จะปรับเพิ่มคาดการณ์การบริโภคพลังงานรวมของประเทศในปี 2025–2026 เล็กน้อย แต่การขยายตัวดังกล่าวถูกชดเชยด้วยการเติบโตของพลังงานหมุนเวียนและประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดีขึ้น ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเหลวแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิม ปัจจัยพื้นฐานโดยรวมจึงยังไม่เพียงพอที่จะหนุนให้ราคาน้ำมันฟื้นตัวได้อย่างยั่งยืน ในภาพรวม เมื่ออุปทานยังเพิ่มต่อเนื่อง ขณะที่อุปสงค์เริ่มชะลอตัว และตลาดยังวิตกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (XBRUSD) จึงยังมีแนวโน้มปรับตัวลงต่อ หากไม่มีสัญญาณลดการผลิตเพิ่มเติมจาก OPEC+ เข้ามาพยุงราคาในระยะใกล้
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
XBRUSD
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (XBRUSD) ยังคงเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาลงอย่างชัดเจน โดยราคายังอยู่ต่ำกว่ากรอบแนวต้านสีแดงซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวต้านสำคัญของโครงสร้างตลาดในระยะกลาง การเคลื่อนไหวภายในกรอบเทรนไลน์ขาลงยังคงต่อเนื่องและแสดงถึงแรงขายที่มีอิทธิพลเหนือกว่าแรงซื้ออย่างชัดเจน ภาพรวมในขณะนี้จึงสะท้อนถึงภาวะตลาดที่ยังคงอยู่ในมือของฝั่งผู้ขาย ขณะที่แรงดีดตัวระยะสั้นยังไม่สามารถเปลี่ยนแนวโน้มหลักได้ ทั้งนี้แนวรับถัดไปอยู่ที่บริเวณ 58.29 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่ตลาดอาจหยุดพักหรือดีดกลับได้ชั่วคราว แต่หากราคาทะลุกรอบแนวต้านบริเวณ 68.6 ดอลลาร์ขึ้นไปได้อย่างมั่นคง จะถือเป็นสัญญาณว่าโมเมนตัมขาลงเริ่มอ่อนแรงลง และแนวต้านถัดไปจะอยู่ที่บริเวณ 72.2 ดอลลาร์
XBRUSD (DAILY)

