ภาพรวมตลาด
เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ในคืนวันนี้ โดยตลาดส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขจะยืนยันที่ 3.3% (QoQ ) เท่ากับประมาณการครั้งที่ 2 มากกว่าจะมีการแก้ไขสาระสำคัญ ตัวเลข 3.3% ที่ออกมาก่อนหน้านี้ซึ่งสูงกว่าการประเมินรอบแรกที่ 3.0% และเหนือกว่าคาดการณ์ของตลาด สะท้อนแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่กว้างขึ้น โดยเฉพาะการบริโภคภาคครัวเรือนที่ถูกทบทวนเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันตัวชี้วัดสำคัญอย่าง Final Sales to Private Domestic Purchasers ก็ขยับขึ้นเป็น 1.9% บ่งชี้ว่าความต้องการในประเทศยังคงทรงตัวได้ แม้ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากภาษีที่เข้มงวดมากขึ้น
ภายใต้ภาพรวมดังกล่าว ยังมีรายละเอียดที่ควรจับตาคือการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ทำให้โครงสร้างการค้าเกิดความบิดเบือน การนำเข้าลดลงแรงหลังภาคธุรกิจเร่งนำเข้าสินค้าก่อนวันเริ่มบังคับใช้นโยบายภาษีในวันที่ 2 เมษายน ส่งผลให้ดุลการค้าดูเหมือนช่วยหนุน GDP ในไตรมาสนี้ ขณะเดียวกัน การส่งออกที่หดตัวน้อยกว่าที่คาดก็มีส่วนช่วยเสริมเช่นกัน ในมิติของเงินเฟ้อ Core PCE ในไตรมาสยังทรงตัวใกล้ 2.5% ส่วน Headline PCE ชะลอลงมาใกล้ 2% เข้าสู่กรอบเป้าหมายของเฟดมากขึ้น ภาพนี้ทำให้ตลาดตีความได้ว่าแรงกดดันด้านราคายังอยู่ในระดับที่จัดการได้ แม้ว่าต้นทุนจากภาษีจะเริ่มส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจก็ตาม
ธนาคารกลางสหรัฐเพิ่งปรับลดดอกเบี้ย 25 bps พร้อมส่งสัญญาณว่ายังมีพื้นที่สำหรับการผ่อนต่อในปีนี้ ท่ามกลางความกังวลเรื่องตลาดแรงงานที่เริ่มอ่อนแรง แม้เงินเฟ้อในบางมิติยังสูงกว่าระดับที่เฟดพึงพอใจ การที่ GDP ไตรมาส 2 คงตัวที่ 3.3% หากออกมาตามคาด จะช่วยตอกย้ำภาพว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังยืดหยุ่นแต่ชะลอมากกว่าที่จะเร่งตัวต่อ ทั้งนี้ แนวโน้มในไตรมาส 3 ยังต้องติดตาม โดยโมเดล GDPNow ของเฟดแอตแลนตาคาดไว้เบื้องต้นราว 2.2% ซึ่งสอดคล้องกับภาพซอฟต์แลนดิงมากกว่าการเร่งฟื้นตัว
มองไปข้างหน้า เศรษฐกิจสหรัฐยังเผชิญแรงดึงสองด้าน ฝั่งบวกคือการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและ AI ที่ยังคงช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโต ขณะที่ฝั่งลบคือแรงกดดันจากภาษีที่สูงขึ้นและการชะลอตัวของแรงงานอพยพซึ่งกระทบทั้งอุปทานและอุปสงค์พร้อมกัน OECD จึงประเมินว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเติบโตได้ราว 1.8% ในปี 2025 ก่อนจะชะลอเหลือ 1.5% ในปีถัดไปเมื่อผลสะสมของนโยบายเริ่มชัดเจนขึ้น สรุปแล้ว หากตัวเลข GDP Q2 ถูกยืนยันที่ 3.3% จริง ความสนใจของตลาดจะเคลื่อนไปสู่คุณภาพของการเติบโตในช่วงครึ่งหลังของปี และการส่งสัญญาณจากเฟดว่าจะเลือกผ่อนคลายนโยบายอย่างไร
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
EURUSD
คู่เงิน EURUSD ปรับตัวอ่อนลงมาอีกครั้งเพื่อทดสอบบริเวณแนวรับสำคัญในกรอบสีแดง ซึ่งตลาดให้ความสนใจอย่างมากในฐานะจุดชี้วัดทิศทางระยะสั้น การเคลื่อนไหวลักษณะนี้สะท้อนว่าแรงขายยังคงมีอยู่ แต่ในขณะเดียวกันแนวรับดังกล่าวก็ยังทำหน้าที่รองรับราคาได้อย่างแข็งแรง ตราบใดที่ราคายังไม่สามารถทะลุลงไปได้อย่างชัดเจน ภาพรวมแนวโน้มก็ยังไม่เสียหาย และยังเปิดโอกาสให้เกิดการดีดกลับขึ้นมาได้อีกครั้ง โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1.19870 และ 1.21127 ตามลำดับ
EURUSD (H4)

XAUUSD
ราคาทองคำยังคงแสดงภาพเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถเคลื่อนไหวเหนือแนวรับสีแดงได้อย่างมั่นคง ซึ่งสะท้อนถึงแรงซื้อที่หนุนราคาให้อยู่ในโซนสูงได้ต่อเนื่อง นอกจากนี้ ราคายังเคลื่อนไหวในกรอบเทรนด์ไลน์ขาขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ยืนยันว่าโมเมนตัมฝั่งซื้อยังแข็งแรงอยู่ชัดเจน การที่ราคายังไม่หลุดลงมาต่ำกว่าแนวรับหลัก ถือเป็นสัญญาณว่าฝั่งซื้อยังคงควบคุมตลาดและพร้อมจะดันราคาให้ขยับสูงขึ้นต่อไป โดยแนวต้านถัดไปจะอยู่ที่บริเวณ 3,770 ดอลลาร์ และ 3,810 ดอลลาร์ ตามลำดับ
XAUUSD (H4)

BTCUSD
ราคาบิตคอยน์ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ใต้กรอบแนวต้านสีแดงอย่างต่อเนื่อง และภาพรวมยังถูกกดดันให้อยู่ในทิศทางขาลงตามกรอบเทรนด์ไลน์ที่ชัดเจน การที่ราคาไม่สามารถเบรกทะลุแนวต้านดังกล่าวขึ้นไปได้ สะท้อนว่าแรงขายยังคงมีบทบาทสูง ขณะที่การเคลื่อนไหวที่กดลงมาพร้อมแรงต้านด้านบน ยิ่งตอกย้ำโมเมนตัมฝั่งขาลงให้แข็งแรงยิ่งขึ้น ดังนั้น หากราคาไม่สามารถฟื้นตัวกลับขึ้นไปเหนือกรอบแนวต้านได้ ก็ยังมีโอกาสสูงที่ราคาจะปรับลงต่อ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 105,691.07 ดอลลาร์ และ 102,586.24 ดอลลาร์ ตามลำดับ
BTCUSD (H4)

US100
ดัชนี US100 ยังคงยืนเหนือกรอบแนวรับสีแดงได้อย่างมั่นคง แม้จะเผชิญแรงขายกดดันลงมาเป็นระยะ แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้ราคาหลุดกรอบลงไปได้ ซึ่งสะท้อนว่าแนวรับดังกล่าวยังคงทำงานอย่างแข็งแรง ขณะเดียวกันราคายังรักษาการเคลื่อนไหวภายในกรอบเทรนด์ไลน์ขาขึ้นได้ต่อเนื่อง ทำให้บรรยากาศโดยรวมยังคงเป็นบวกและเอื้อต่อการปรับตัวขึ้นต่อในระยะถัดไป โดยแนวต้านสำคัญจะอยู่ที่บริเวณ 25,000 จุด และ 25,500 จุด ตามลำดับ
US100 (H4)

