เปิดบัญชี
เปิดบัญชีล็อกอิน
เปิดบัญชี

17 เม.ย. 2025

หุ้น

ภาษีนำเข้า-เศรษฐกิจชะลอตัว กดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ สู่แนวโน้มขาลง

ภาพรวมตลาด

     ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับความเสี่ยงหลายประการที่อาจส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่อเนื่องในระยะกลางถึงระยะยาว โดยหนึ่งในปัจจัยหลักคือแรงกดดันจากนโยบายภาษีนำเข้าที่ประกาศใช้โดยรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งได้สร้างความผันผวนอย่างรุนแรงในตลาดการเงินทั่วโลก สถานการณ์ "ขายทั้งหุ้นและพันธบัตร" ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา สะท้อนถึงความไม่มั่นใจอย่างลึกซึ้งของนักลงทุนต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต อีกทั้งความตึงเครียดทางการค้าเริ่มส่งผลกระทบที่ชัดเจนต่อภาคเศรษฐกิจจริง ไม่ว่าจะเป็นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มชะลอตัว หรือภาคการผลิตที่กำลังแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่พึ่งพาวัตถุดิบนำเข้า เช่น เหล็กและกระจก ซึ่งความเปลี่ยนแปลงด้านต้นทุนเหล่านี้กำลังบั่นทอนความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนอย่างมีนัยสำคัญ

     ในด้านนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงส่งสัญญาณความระมัดระวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แม้จะเผชิญแรงกดดันจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเงินเฟ้อมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นอีกครั้งจากผลของภาษีนำเข้า ความขัดแย้งระหว่างพันธกิจของธนาคารกลางในการควบคุมเงินเฟ้อ กับความจำเป็นในการรักษาเสถียรภาพของตลาดแรงงาน เริ่มกลายเป็นประเด็นท้าทายที่เด่นชัดมากขึ้น นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าและแรงกดดันทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอิสระของธนาคารกลาง กำลังบั่นทอนความเชื่อมั่นของตลาดในเชิงโครงสร้าง นักลงทุนหลายรายเริ่มตั้งคำถามถึงเสถียรภาพในระยะยาวของระบบเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะเมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวกลับเพิ่มขึ้น แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะแสดงสัญญาณชะลอตัว ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่สะท้อนภาวะความไม่สมดุลที่น่ากังวล

     จากมุมมองในองค์กรระดับโลกทั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และองค์การการค้าโลก (WTO) ต่างปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกลง โดยระบุว่าสหรัฐฯ เองก็มีแนวโน้มชะลอตัวจากความเสี่ยงเชิงระบบ ทั้งด้านการค้าและการคลัง ขณะเดียวกัน ผลสำรวจล่าสุดจาก Pew Research แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคชาวอเมริกันเริ่มมองว่ามาตรการภาษีนำเข้าจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งความกังวลในลักษณะนี้มีแนวโน้มจะสะท้อนผ่านพฤติกรรมการบริโภคและการลงทุนที่ลดลง ทั้งในระดับครัวเรือนและภาคธุรกิจ ภาพรวมของสถานการณ์จึงชี้ชัดว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเผชิญกับความเสี่ยงฝั่งขาลงที่ไม่อาจมองข้าม โดยเฉพาะหากนโยบายการค้าในลักษณะแข็งกร้าวยังคงเดินหน้าต่อไป โดยไม่มีความชัดเจนหรือความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างประเทศอย่างเป็นรูปธรรม              

การวิเคราะห์ทางเทคนิค
      ดัชนี Nasdaq (US100) ยังคงแสดงสัญญาณอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง (H4) หลังจากที่ราคาหลุดต่ำกว่ากรอบราคาสีแดงอีกครั้ง ซึ่งสะท้อนถึงแรงขายที่กลับเข้ามากดดันตลาดอย่างชัดเจน ภายหลังจากไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านด้านบนไปได้สำเร็จ การเคลื่อนไหวของราคาที่ยังคงอยู่ภายในกรอบแนวโน้มขาลง (downward channel) บ่งชี้ว่าแนวโน้มหลักในระยะสั้นยังคงอยู่ในเชิงลบ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาร่วมกับเครื่องมือทางเทคนิคอย่าง RSI ซึ่งล่าสุดอยู่ที่ระดับประมาณ 45 ยังทรงตัวต่ำกว่าระดับกึ่งกลาง (50) บ่งชี้ว่ากำลังซื้อยังไม่แข็งแรงเพียงพอ ขณะเดียวกัน ค่า MACD ก็เริ่มโค้งลงต่ำกว่าศูนย์ ซึ่งตอกย้ำว่าโมเมนตัมในฝั่งขายยังมีความได้เปรียบและอาจกดดันให้ราคาปรับตัวลงต่อในระยะถัดไป ดังนั้น นักลงทุนควรจับตาบริเวณแนวรับสำคัญที่ระดับ 16,236.54 จุด ซึ่งหากราคาลงไปทดสอบและไม่สามารถยืนอยู่เหนือระดับนี้ได้ ก็อาจนำไปสู่แรงขายระลอกใหม่ ขณะที่แนวต้านด้านบนยังคงอยู่ที่บริเวณ 20,859.45 จุด ซึ่งจะต้องมีแรงซื้อที่ชัดเจนมากพอจึงจะสามารถผลักดันราคาให้กลับขึ้นไปทดสอบได้อีกครั้ง

US100,H4

1616.png

US500
ดัชนี S&P 500 (US500) ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง (H4) ยังคงแสดงภาพรวมในเชิงลบอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ราคาปรับตัวลงต่ำกว่ากรอบราคาสีแดงอีกครั้ง และไม่สามารถยืนเหนือเส้นแนวโน้มขาลงได้อย่างมั่นคง ซึ่งโครงสร้างราคาที่ปรากฏสะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของแรงซื้อที่ยังไม่แข็งแรงเพียงพอ อันอาจนำไปสู่แรงขายเพิ่มเติมในระยะถัดไป ด้านสัญญาณทางเทคนิค ค่า RSI ล่าสุดเคลื่อนไหวใกล้ระดับกลางที่ประมาณ 49 แม้จะยังไม่เข้าสู่โซนขายมากเกินไป แต่ก็ยังไม่สามารถส่งสัญญาณการฟื้นตัวได้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน MACD เริ่มโค้งลงและเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นสัญญาณ ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงลบอีกหนึ่งประการที่อาจบ่งบอกถึงการชะลอตัวและแรงกดดันที่กำลังจะตามมาในรอบใหม่ ดังนั้น หากราคายังคงไม่สามารถฟื้นตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง แนวรับสำคัญที่ควรเฝ้าระวังคือบริเวณ 4,688.30 จุด ซึ่งหากถูกทดสอบอีกครั้งและไม่สามารถรักษาระดับได้ อาจส่งผลให้เกิดแรงขายรอบใหม่ ขณะที่แนวต้านด้านบนยังอยู่ที่บริเวณ 5,965.79 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ต้องมีแรงซื้อเข้าหนุนอย่างชัดเจนจึงจะสามารถกลับไปทดสอบได้อีกครั้งในระยะสั้น
US500,H4

1617.png

การซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศโดยใช้มาร์จิ้นมีความเสี่ยงสูงและอาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน เนื่องจากการใช้เลเวอเรจที่สูงสามารถทำให้ทั้งกำไรและขาดทุนที่อาจได้รับเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้น ก่อนที่จะเข้าสู่ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ การประเมินเป้าหมายการลงทุน ประสบการณ์ และความสามารถในการรับความเสี่ยงของตัวเองอย่างเหมาะสมถือเป็นสิ่งจำเป็น

แบ่งปันกับเพื่อน ๆ:
Witsawa Lattaponpakorn

ผู้เขียน: Witsawa Lattaponpakorn

เปิดบัญชี FBS

โดยการลงทะเบียน คุณได้ยอมรับเงื่อนไขของ ข้อตกลงลูกค้า FBS และ นโยบายความเป็นส่วนตัว FBS และยอมรับความเสี่ยงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการซื้อขายในตลาดการเงินระดับโลก

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

โมเมนตัม AI–Subscription หนุนการฟื้นตัวของหุ้น CRM เปิดทางอัพไซด์ในระยะถัดไป

30 พ.ย. 2025

11:42

โมเมนตัม AI–Subscription หนุนการฟื้นตัวของหุ้น CRM เปิดทางอัพไซด์ในระยะถัดไป

หุ้น

EBITDA พุ่ง 33% ประกอบกับ FCF แตะระดับสูงสุดใหม่ ตอกย้ำศักยภาพขาขึ้นของ UBER อย่างต่อเนื่อง

30 พ.ย. 2025

11:12

EBITDA พุ่ง 33% ประกอบกับ FCF แตะระดับสูงสุดใหม่ ตอกย้ำศักยภาพขาขึ้นของ UBER อย่างต่อเนื่อง

หุ้น

โครงสร้างรายได้มั่นคง + RPO มหาศาล เสริมมุมมองเชิงบวกต่อราคาหุ้น Microsoft ในระยะกลาง–ยาว

30 พ.ย. 2025

10:08

โครงสร้างรายได้มั่นคง + RPO มหาศาล เสริมมุมมองเชิงบวกต่อราคาหุ้น Microsoft ในระยะกลาง–ยาว

หุ้น

ฐานผู้ใช้ระดับมหภาค + ผลตอบแทน AI ชัดเจน หนุน Meta กลับมาปรับตัวขึ้นต่อได้

30 พ.ย. 2025

09:33

ฐานผู้ใช้ระดับมหภาค + ผลตอบแทน AI ชัดเจน หนุน Meta กลับมาปรับตัวขึ้นต่อได้

หุ้น

FBS ณ สื่อสังคมออนไลน์

iconhover iconiconhover iconiconhover iconiconhover icon

ติดต่อเรา

iconhover iconiconhover iconiconhover iconiconhover icon
store iconstore icon
ดาวน์โหลดได้ที่
Google Play
store iconstore icon
ดาวน์โหลด MT4 บน
App Store
store iconstore icon
ดาวน์โหลด MT5 บน
App Store

การซื้อขาย

บริษัท

เกี่ยวกับ FBS

ผลกระทบต่อสังคมของเรา

เอกสารทางกฎหมาย

ข่าวเกี่ยวกับบริษัท

สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้

ศูนย์ช่วยเหลือ

โปรแกรมพันธมิตร