04 ส.ค. 2025
กลยุทธ์
บางครั้ง ตลาดเคลื่อนไหวเร็วมากจนผู้ซื้อและผู้ขายไม่ได้รับโอกาสที่ยุติธรรมในการเทรด เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ จะเกิดช่องว่างของราคา หนึ่งในรูปแบบกราฟที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสถานการณ์นี้เรียกว่า Fair Value Gap (FVG)
ในบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้ว่า Fair Value Gap คืออะไร วิธีการหาช่องว่างเหล่านี้บนกราฟ และวิธีการทำงานของกลยุทธ์การเทรด FVG ที่แท้จริง นอกจากนี้ คุณจะได้เห็นตัวอย่างการเทรด FVG อย่างเป็นขั้นตอนด้วย มาทำความเข้าใจกันแบบเจาะลึกกันเถอะ!
ช่องว่างมูลค่ายุติธรรม หรือที่รู้จักกันในภาษาอังกฤษว่า Fair Value Gap (FVG หรือ ช่องว่างราคา) เป็นรูปแบบในกราฟแท่งเทียนที่แสดงถึงการเคลื่อนไหวขึ้นหรือลงที่รุนแรง โดยปกติจะเกิดขึ้นเมื่อนักลงทุนรายใหญ่ซื้อหรือขายอย่างรวดเร็วทิ้ง "ช่องว่าง" ไว้โดยแทบไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้นเลย ซึ่งหมายความว่าราคาขยับรวดเร็วเกินไปโดยที่ผู้ซื้อและผู้ขายไม่ได้รับโอกาสที่เท่าเทียมกันในการเทรด
FVG มีแท่งเทียนสามแท่ง อันกลางขยับเยอะมาก แท่งเทียนแท่งแรกและแท่งที่สามไม่แตะกัน เว้นช่องว่างระหว่างไส้เทียน — นั่นคือช่องว่าง
มี FVG อยู่สองประเภท ขึ้นอยู่กับว่าราคาขยับอย่างไร:
ใน Bullish FVG หรือ FVG ขาขึ้น (เมื่อราคากำลังพุ่งขึ้น) ช่องว่างอยู่ระหว่างจุดสูงสุดของแท่งเทียนแรกและจุดต่ำสุดของแท่งเทียนที่สาม ราคามักจะกลับลงมาเพื่อเติมช่องว่างก่อนที่จะขยับขึ้นอีกครั้ง
ใน Bearish FVG หรือ FVG ขาลง (เมื่อราคากำลังร่วงลง) ช่องว่างอยู่ระหว่างจุดต่ำสุดของแท่งเทียนแรกและจุดสูงสุดของแท่งเทียนที่สาม ราคามักจะกลับขึ้นไปเติมช่องว่างก่อนที่จะลดลงอีก
การหา FVG บนกราฟสามารถช่วยคุณค้นหาการตั้งค่าการเทรดที่ดีขึ้นได้ พวกเขามักจะปรากฏตัวก่อนที่ราคาจะขยับหรือดึงกลับ การรู้วิธีสังเกตอย่างรวดเร็วและง่ายดายจะเป็นประโยชน์ เพียงทำตามขั้นตอนง่าย ๆ นี้
FVG เป็นไปตามรูปแบบของแท่งเทียนสามแท่งติดกัน ฉะนั้น ก่อนอื่นให้มองหาแท่งเทียนสามแท่งที่อยู่เคียงข้างกันบนกราฟ
ตรวจสอบแท่งเทียนตรงกลาง: ควรเป็นแท่งที่ใหญ่และแสดงการเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งไม่ว่าจะขึ้นหรือลง
ทีนี้ให้มองหาช่องว่าง
สำหรับ FVG ขาขึ้น จุดต่ำสุดของแท่งเทียนที่สามควรสูงกว่าจุดสูงสุดของแท่งเทียนแรก เช่นเดียวกับในตัวอย่างด้านล่าง
สำหรับ FVG ขาลง จุดสูงสุดของแท่งเทียนที่สามควรต่ำกว่าจุดต่ำสุดของแท่งเทียนที่หนึ่ง ดังที่แสดงในกราฟด้านล่าง
กลยุทธ์ FVG เป็นวิธีง่าย ๆ ในการเทรดโดยใช้การเคลื่อนไหวของราคา มันทำงานได้ทั้งในตลาดที่มีแนวโน้มและตลาดไซด์เวย์ เนื่องจากไม่ได้ใช้ตัวบ่งชี้ และเน้นเฉพาะการเคลื่อนไหวของราคา เทรดเดอร์มือใหม่และมีประสบการณ์หลายคนจึงชื่นชอบมัน
นี่คือแนวทางพื้นฐาน:
อันดับแรกให้หาแท่งเทียนสามแท่งติดกันบนกราฟ แท่งตรงกลางควรมีการขยับขึ้นหรือลงอย่างรุนแรง หากมีช่องว่างที่ชัดเจนระหว่างแท่งเทียนแท่งแรกและแท่งที่สาม นั่นคือ FVG ของคุณ
เมื่อคุณหาพบแล้ว ให้รอราคากลับมาที่ช่องว่าง อย่ารีบร้อน เป้าหมายคือการเข้าสู่การซื้อขายเมื่อราคากลับมาที่บริเวณนั้น แล้วดำเนินต่อไปในทิศทางเดียวกัน จำกฎง่ายๆ นี้ไว้ให้ดี:
| การเคลื่อนไหวของแท่งเทียน | ประเภทของ FVG | สิ่งที่ต้องทำ |
| แท่งเทียนตรงกลางพุ่งขึ้น | Bullish FVG | หาโอกาสเข้าซื้อ (เปิด long) |
| แท่งเทียนตรงกลางร่วงลง | Bearish FVG | หาโอกาสเข้าขาย (เปิด short) |
มีหลายวิธีในการเข้าเทรดโดยใช้ FVG ขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงของคุณ:
สำหรับการเข้าเทรดที่ปลอดภัยกว่า: ที่ขอบของช่องว่าง
สำหรับการเข้าเทรดที่เสี่ยงกว่า: ตรงกลางของช่องว่าง
โซนเข้าเทรดที่ดีที่สุด: อยู่ภายในโซน Fibonacci OTE ระหว่างระดับ 0.5 และ 0.702 โซนนี้มักให้โอกาสประสบความสำเร็จที่ดีกว่า
หากราคาไม่กลับมาที่ช่องว่างภายใน 4 แท่งเทียน นั่นก็ไม่ใช่การตั้งค่าที่ดีอีกต่อไป ให้รออันต่อไป
เพื่อความปลอดภัยในการเทรดและการปกป้องเงินของคุณ ให้ใช้การตั้งจุดหยุดขาดทุนตลอดเวลา สำหรับคำสั่งซื้อ ให้วางไว้ใต้แท่งเทียนแท่งแรกหรือแท่งกลางของ FVG เลย สำหรับคำสั่งขาย ให้ตั้งจุดหยุดการขาดทุนของคุณไว้เหนือแท่งเทียนแท่งแรกหรือแท่งกลาง ด้วยวิธีนี้ คุณจะได้รับความคุ้มครองหากราคาขยับไปในทิศทางที่คุณไม่ต้องการ
วิธีง่าย ๆ ในการทำกำไรคือการดูระดับราคาที่สำคัญบนกราฟ สำหรับคำสั่งซื้อ คุณสามารถทำกำไรที่ระดับแนวต้านได้ สำหรับคำสั่งขาย คุณสามารถทำกำไรได้ที่ระดับแนวรับ
ในการตั้งค่าขาขึ้น ราคาจะเคลื่อนกลับเข้าสู่ FVG แล้วขึ้นไปจนกระทั่งถึงแนวต้าน นั่นเป็นจุดที่ดีในการตั้ง Take Profit ของคุณ
ในการตั้งค่าขาลง ราคาจะกลับมาที่ FVG แล้วลดลงไปที่ระดับแนวรับ นั่นคือโซนทำกำไรของคุณ
กลยุทธ์ Forex ที่ฉลาดอีกหนึ่งกลยุทธ์ คือการเข้าสู่การซื้อขายเมื่อ FVG สอดคล้องกับโซน Fibonacci OTE (ระหว่าง 0.5 ถึง 0.702) เมื่อราคาย้อนกลับเข้ามาในพื้นที่นี้ มักจะถือเป็นการตั้งค่าที่ปลอดภัยและแข็งแกร่งกว่าด้วยศักยภาพที่ดีกว่า
ช่องว่างมูลค่ายุติธรรม (Fair Value Gap (FVG)) และช่องว่างสภาพคล่อง (Liquidity Void) มีความคล้ายคลึงกันแต่ไม่เหมือนกัน ทั้งสองแสดงให้เห็นถึงความไม่สมดุลระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายที่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของราคาอย่างรวดเร็ว โดยมีการหยุดชั่วคราวเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย แต่มีความแตกต่างที่สำคัญ เช่น
Fair Value Gap
FVG มักจะเป็นรูปแบบแท่งเทียนสามแท่งบนกราฟ มันแสดงให้เห็นช่องว่างระยะสั้นที่ฝ่ายหนึ่ง (ผู้ซื้อหรือผู้ขาย) มีแรงกดดันมากกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง
ช่องว่างสภาพคล่อง
ช่องว่างสภาพคล่องเป็นเวอร์ชันที่ใหญ่กว่าของ FVG มันครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ของกราฟ มักรวมหลาย FVG และแสดงถึงการเคลื่อนไหวของราคาที่รุนแรงกว่า ช่องว่างสภาพคล่องมีโอกาสน้อยที่จะถูกเติมเต็มอย่างรวดเร็ว
กรอบเวลาก็สำคัญเช่นกัน FVG มีความชัดเจนในกรอบเวลาที่ต่ำกว่า ในขณะที่ช่องว่างสภาพคล่องมักจะปรากฏเป็นโซนขนาดใหญ่หนึ่งโซนในกรอบเวลาที่สูงขึ้น ทั้งสองมีประโยชน์สำหรับการตรวจจับการดีดตัวหรือโซนเข้าเทรด
ช่องว่างปกติจะเกิดขึ้นเมื่อเปิดตลาด โดยปกติเกิดจากข่าวหรือเหตุการณ์หลังเวลาทำการ พวกเขาปรากฏขึ้นระหว่างการปิดของเซสชันหนึ่งและการเปิดของเซสชันถัดไป ช่องว่างเหล่านี้เป็นเรื่องปกติในตลาดที่เงียบสงบและมักจะถูกเติมเต็มอย่างรวดเร็ว ซึ่งมักจะมีจำนวนการตั้งค่าการเทรดที่น้อยกว่า
ช่องว่างมูลค่ายุติธรรม (FVGs) เกิดขึ้นในระหว่างการซื้อขายอย่างเข้มข้น เมื่อผู้ซื้อหรือผู้ขายเข้าครองตลาด พวกเขาแสดงความไม่สมดุลของราคา ซึ่งมักเกิดจากผู้เล่นรายใหญ่ ราคาอาจกลับมาที่พื้นที่เหล่านี้ก่อนที่จะเคลื่อนไปต่อ
ช่องว่างปกติมีความรวดเร็วและขับเคลื่อนด้วยเหตุการณ์ FVGs เป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมราคาและมอบโอกาสในการวางแผนการเทรดที่มากขึ้น
FVG ปกติแสดงช่องว่างที่ราคาอาจกลับมาเติมเต็ม FVG แบบผกผันเกิดขึ้นหลังจากเติมช่องว่างและราคาเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงในทิศทางตรงกันข้าม ณ จุดนั้น โซนเดียวกันสามารถสลับบทบาทได้:
หากเป็น FVG ขาลง ก็อาจกลายเป็นพื้นที่แนวรับ
หากเป็น FVG ขาขึ้น ก็สามารถกลายเป็นพื้นที่แนวต้านได้
สิ่งนี้สามารถแสดงให้เห็นถึงโมเมนตัมที่แข็งแกร่งหรือการเปลี่ยนแปลงในความเชื่อมั่นของตลาด ราคามักจะไม่กลับมาที่บริเวณนี้อีก แต่รูปแบบเหล่านี้สามารถยืนยันได้ว่าราคามีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน เทรดเดอร์ใช้ FVG แบบผกผันเพื่อสังเกตความต่อเนื่องของแนวโน้มหรือการตั้งค่าการพุ่งทะลุ
พร้อมที่จะใช้สิ่งนี้ในการเทรดจริงหรือยัง? เริ่มเทรดช่องว่างมูลค่ายุติธรรมและอื่น ๆ กับ FBS
คุณสามารถหา FVG เจอได้ในกรอบเวลาที่แตกต่างกันและในสถานการณ์ตลาดทุกประเภท ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณกำลังดูกราฟ 1 ชั่วโมงของ EUR/USD หลังจากข่าวเศรษฐกิจที่เป็นบวก ราคาก็พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้เกิด FVG ขาขึ้น สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะผู้ซื้อเข้าครองตลาดอย่างกะทันหันและราคาก็เคลื่อนไหวเร็วเกินไปสำหรับผู้ขายที่จะตามทัน
ต่อมาราคากลับลงมาและเติมช่องว่าง (กลับไปที่โซน FVG) นี่เป็นการเคลื่อนไหวทั่วไป เนื่องจากตลาดมักจะกลับมาสู่สมดุลของอุปทานและอุปสงค์ หลังจากเติมช่องว่างแล้ว ราคาจะเริ่มสูงขึ้นอีกครั้งและยังคงมีแนวโน้มต่อไป
Fair Value Gaps มีประโยชน์แต่ไม่สมบูรณ์แบบ การเทรดด้วย FVG อาจให้ผลกำไรได้ แต่ก็มีความเสี่ยงที่เทรดเดอร์ต้องเข้าใจ
FVG บางจุดอาจไม่ได้รับการเติมเต็มและราคาอาจขยับไปเรื่อย ๆ โดยไม่ย้อนกลับมา ซึ่งอาจนำไปสู่การพลาดการเทรดหรือการสูญเสีย
ราคาสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วในตลาดที่ผันผวน ทำให้ยากที่จะตอบสนองได้ทันเวลา ซึ่งอาจทำให้เกิดการลื่นไถล (slippage) หรือทำให้แผนการเทรดของคุณใช้ไม่ได้ผล
FVG ที่ดูมีความสำคัญในกรอบเวลาขนาดเล็กอาจไม่สำคัญกับกรอบเวลาขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องตรวจสอบบริบทโดยรวม
บางครั้งราคาก็กลับไปที่โซน FVG เพียงเพื่อหลอกเทรดเดอร์ แล้วก็กลับตัวอย่างรวดเร็ว สิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อผู้เล่นรายใหญ่กำลังรวบรวมสภาพคล่อง
การพึ่งพาแต่ FVG เท่านั้นเป็นเรื่องที่เสี่ยง ควรใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น ๆ เช่น โครงสร้างแนวโน้ม Fibonacci หรือตัวบ่งชี้โมเมนตัม อยากลองด้วยตัวเองไหม? FBS ทำให้การเริ่มเทรดเป็นเรื่องง่าย ด้วยแพลตฟอร์มที่เป็นมิตรกับผู้เริ่มต้น และเครื่องมือทั้งหมดที่มืออาชีพต้องการเพื่อเปิดการเทรดที่ยอดเยี่ยม