เทรนด์เทคโนโลยีชั้นนำแห่งอนาคตของการซื้อขาย
การพัฒนาเทคโนโลยีส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของเราและกำไรของเทรดเดอร์ เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันจะสร้างโอกาสใหม่ๆในชีวิตประจำวันและตลาดหุ้น เพื่อให้ได้รับข้อมูลล่าสุดและเป็นประโยชน์ เทรดเดอร์ควรตระหนักถึงเทรนด์ของเทคโนโลยีในปัจจุบันและอนาคต การเทรดเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่สุด และภาคเทคโนโลยีก็เติบโตอย่างรวดเร็วมาโดยตลอด แต่เราก็รู้ดีถึงความสำคัญของการคาดการณ์เทคโนโลยี และเราได้เตรียมรายชื่อหุ้นเกิดใหม่เอาไว้ให้แล้ว
นอกจากนั้น เทรดเดอร์ที่ร่ำรวยมักจะอ่านและวิเคราะห์เหตุการณ์ในตลาดที่เกี่ยวข้องและมีอิทธิพลมากที่สุดเสมอ เพื่อช่วยให้เทรดเดอร์ทำการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานในเชิงลึกได้ เราจีงได้รวบรวมข่าวเทคโนโลยีล่าสุดในตลาดหุ้นเอาไว้
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากแนวโน้มในปัจจุบันแล้ว การทำนายแนวโน้มในอนาคตจะช่วยให้เทรดเดอร์ทราบถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอดีตที่อาจมีผลกระทบต่อเหตุการณ์ในอนาคต ซึ่งมันจะเป็นกุญแจสำคัญสู่การซื้อขายที่ประสบความสำเร็จ บทความนี้จะนำเสนอเทรนด์ด้านเทคโนโลยีที่มีอนาคตมากที่สุดในอนาคต และตอบคำถามว่าควรจะซื้อขายอะไรในอีก 10 ปีข้างหน้า
บล็อกเชน
บล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานที่ให้ความปลอดภัยและความโปร่งใสในตลาดสกุลเงินดิจิทัล คริปโตส่วนใหญ่ เช่น Bitcoin, Ethereum และ Non-fungible tokens (NFT) ต่างก็ทำงานบนบล็อกเชน แต่วิธีการพิเศษในการบันทึกและถ่ายโอนข้อมูลอย่างปลอดภัยนี้จะถูกใช้นอกสกุลเงินดิจิทัล ตัวอย่างเช่น ในการจัดการโลจิสติกและห่วงโซ่อุปทาน หรือการประกันและเวชระเบียน
เนื่องจากความผันผวนสูงและความนิยมทั่วโลกของคริปโต คุณอาจสนใจคู่มือการเทรดคริปโตอย่างฉลาด ในปี 2022ซึ่งจัดทำโดยนักวิเคราะห์การเงินของ FBS
ตัวเลขแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตลาดบล็อกเชน ซึ่งคาดว่าจะเติบโตจาก 7.18 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2022 เป็น 163.83 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2029 ที่อัตรา CAGR ที่ 56.3% ในช่วงเวลาคาดการณ์ เทคโนโลยีนี้ถูกใช้โดย 2.8% ของประชากรโลก และมีผู้ใช้กระเป๋าเงินบล็อกเชนเกือบ 83.5 ล้านคน การใช้จ่ายทั่วโลกในโซลูชั่นบล็อกเชนได้พุ่งสูงถึง 6.6 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2021 ในขณะที่สหรัฐอเมริกากำลังจะใช้จ่าย 2.5 พันล้านดอลลาร์
เห็นได้ชัดว่านวัตกรรมบล็อกเชนจะเร่งความเร็วขึ้น ซึงมันจะผลักดันให้บริษัทต่างๆลงทุนในเทคโนโลยีนี้มากขึ้น ดังนั้นในอีก 10 ปีข้างหน้า หุ้นที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีบล็อกเชนจะมีอนาคตมากขึ้น
หุ้นที่น่าเทรด: COIN, ALIBABA, TWTR
เมตาเวิร์ส
เมตาเวิร์สคือพื้นที่ดิจิทัลที่อนุญาตให้ผู้ใช้พบปะกันในโลกเสมือนหรือผสมผสานโลกเสมือนเพื่อการเข้าสังคม, ค้าขาย, เล่น, ทำธุรกรรม, และอื่นๆ เนื่องจากมการโหกัสเพิ่มขึ้นไปที่การบรรจบกันของการดำเนินงานทางกายภาพและดิจิทัลบนอินเทอร์เน็ต บริษัทจำนวนมากขึ้นจึงมีส่วนร่วมในการพัฒนาเมตาเวิร์สเพื่อกระตุ้นการเติบโตของตลาดหุ้น
ตลาดเมตาเวิร์สทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 47.48 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2022 และคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 678.80 พันล้านดอลลาร์ ภายในปี 2030 ที่ CAGR ที่ 39.4% ในช่วงเวลานี้ ซึ่งนั่นไม่ใช่แค่คำคุยโว การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้เร่งศักยภาพเมตาเวิร์สมากยิ่งขึ้น และในปี 2021 ได้พบว่าบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเมตาเวิร์สได้ระดมทุนได้สูงถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมันมากกว่าสองเท่าในปีที่แล้ว
แม้ว่าเมตาเวิร์สจะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่บริษัทอย่าง Meta กำลังพัฒนาเทคโนโลยีแห่งอนาคตนี้ และเทรดเดอร์จำนวนมากก็มีหุ้นที่เกี่ยวข้องในพอร์ตอยู่เรียบร้อยแล้ว
หุ้นที่น่าเทรด: FACEBOOK, DISNEY, NVIDIA
เทคโนโลยีชีวภาพ
เทคโนโลยีชีวภาพยังนำเสนอโอกาสที่ดีให้แก่เทรดเดอร์ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพประกอบด้วยบริษัทต่างๆที่พัฒนายาและเทคโนโลยีการวินิจฉัยเพื่อรักษาและป้องกันโรค ด้วยอณูชีววิทยาขั้นสูง สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ใหม่จึงได้เกิดขึ้น และได้กระตุ้นให้บริษัทต่างๆพากันพัฒนาอุตสาหกรรมนี้
โรคระบาดและความจำเป็นในการพัฒนาวัคซีนสำหรับไวรัสโคโรนาได้กระตุ้นภาคเทคโนโลยีนี้ด้วย ตลาดเทคโนโลยีชีวภาพทั่วโลกมีมูลค่า 793.87 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2021 และคาดว่าจะเกิน 1.683.52 พันล้านดอลลาร์ ภายในปี 2030 โดยขยายการเติบโตที่ CAGR ที่ 8.7% เป็นเวลาเก้าปี
ด้วยผลกระทบที่มีนัยสำคัญต่อหลากหลายอุตสาหกรรม รวมถึงการแพทย์และเภสัชกรรม, จีโนมิกส์, การผลิตอาหารและเคมี เทคโนโลยีชีวภาพจึงยังเป็นที่ต้องการสูงอยู่เสมอและทำให้หุ้นที่เกี่ยวข้องมีอนาคตอย่างชัดเจน
หุ้นที่น่าเทรด: INO, MRNA, EBS
Internet of Things (IoT)
Internet of Things หรือ IoT ได้กลายเป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่สำคัญของศตวรรษที่ 21 เทรนด์เทคโนโลยีนี้จะอธิบายถึงเครือข่ายของสิ่งต่างๆ - วัตถุทางกายภาพ - ที่ฝังด้วยซอฟต์แวร์, เซ็นเซอร์, ความสามารถในการประมวลผล, และเทคโนโลยีอื่นๆที่เชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับอุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งรวมถึงวัตถุจำนวนมากในทุกรูปร่างและขนาดตั้งแต่บ้านอัจฉริยะไปจนถึงรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตนเอง พูดง่ายๆ ก็คือ IoT ช่วยให้เราสามารถทำสิ่งต่างๆได้โดยไม่ต้องการการมีส่วนร่วมของมนุษย์
ตลาด IoT คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 478.36 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2022 ไปเป็น 2465.26 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2029 ที่ CAGR ที่ 26.4% ในช่วงระยะเวลาคาดการณ์ พลังที่เพิ่มขึ้นของหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ IoT นั้นเป็นที่ประจักษ์ เนื่องจากเทรนด์เทคโนโลยีนี้ถูกใช้ในวงกว้างในภาคส่วนต่างๆ เช่น พลังงาน การผลิต การดูแลสุขภาพ และอื่นๆ
บริษัทหุ้นรายใหญ่ต่างก็ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยี IoT ไปแล้ว และในอีก 10 ปีข้างหน้า เทรนด์นี้ก็จะทำกำไรได้มากยิ่งขึ้นไปอีก
กำลังมองหาแนวทางที่เหมาะสมในการเทรดหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯอยู่ใช่ไห? นี่คือคู่มือแบบง่ายๆ
หุ้นที่น่าเทรด: GOOGLE, QCOM, CISCO
ปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI จะจำลองกระบวนการปัญญาของมนุษย์ด้วยเครื่องจักรและระบบคอมพิวเตอร์ อย่าได้สับสนเรื่อง AI กับ IoT AI เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการเพิ่มคุณสมบัติปัญญามนุษย์ที่ชาญฉลาดให้กับเครื่องจักร ในขณะที่ IoT หมายถึงการเชื่อมต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดเข้ากับเครือข่ายเดียวที่เชื่อมโยงกัน
AI ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในภาคส่วนต่างๆเนื่องจากมันจะตัดปัญหาเรื่องปัจจัยข้อผิดพลาดของมนุษย์และเร่งกระบวนการต่างๆได้ นอกจากนี้ ความเกียจคร้านยังเป็นพลังขับเคลื่อนความก้าวหน้าอย่างมาก ซึ่งมันจะช่วยทำให้ชีวิตของเราง่ายขึ้น ด้วยเหตุนี้ AI จึงถูกนำไปใช้กับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น หุ่นยนต์ การรักษาพยาบาล การผลิต การปกป้องสิ่งแวดล้อม และการสร้างเครือข่าย ในปี 2021 ตลาด AI มีมูลค่า 59.67 พันล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะขยายตัวที่ CAGR ที่ 39.4% เป็น 422.37 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2028
แม้ว่าบางบริษัทจะเพิ่งเริ่มต้นการเดินทางด้วย AI และบางบริษัทเป็นนักเดินทางที่มีประสบการณ์ แต่ทั้งสองบริษัทก็ยังมีหนทางอีกยาวไกล ไม่ว่า AI จะกลายเป็นเทรนด์ยอดนิยมในเกือบทุกอุตสาหกรรม ไม่ใช่แค่บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกเท่านั้น ด้วยการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี AI จะยังคงเกิดขึ้นและกระตุ้นราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องให้สูงขึ้น
หากคุณต้องการไขความกระจ่างเรื่อง AI และผลกระทบที่มีต่อการซื้อขาย โปรดอ่านบทความก่อนหน้าของเรา
หุ้นที่น่าเทรด: NVIDIA, AMAZON, GOOGLE
ความปลอดภัยทางไซเบอร์
ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ต นักต้มตุ๋นมักจะปรากฏให้เห็นบ่อยขึ้น ซึ่งเป็นการกระตุ้นอุตสาหกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์ การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์จะช่วยป้องกันอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ตต่างๆ เช่น มัลแวร์ การขโมยข้อมูลประจำตัว การหลอกลวงทางไซเบอร์และการโจมตี แรนซัมแวร์ ฟิชชิ่ง และอื่นๆ
ตลาดความปลอดภัยทางไซเบอร์ทั่วโลกคาดว่าจะขยายตัวจาก 155.83 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2022 ไปเป็นเกือบ 478.68 พันล้านดอลลาร์ ในปี 2030 ซึ่งแสดง CAGR ที่ 13.4% ในช่วงระยะเวลาการตรวจสอบ เทรนด์เทคโนโลยีทั้งหมดข้างบนที่อธิบายไว้ในบทความนี้ต่างก็ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์
เทคโนโลยีแห่งอนาคตนี้เป็นที่ต้องการเสมอเนื่องจากแฮ็กเกอร์กำลังปรับตัวให้เข้ากับการควบคุมทางไซเบอร์ที่ทันสมัยที่สุด ทำให้พวกเขาตามไม่ทัน เนื่องจากภัยคุกคามทางไซเบอร์เติบโตขึ้นเรื่อยๆทั้งในรูปแบบและความถี่ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ก็สูงตามกันมาเช่นกัน บริษัทส่วนใหญ่ ตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงองค์กรระดับโลก ต่างพากันนำมาปรับใช้และเพิ่มความปลอดภัยทางไซเบอร์ นอกจากนี้ เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ยังกระตุ้นและขับเคลื่อนการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ต่อไป ดังนั้นหุ้นของบริษัทที่ย้ายเข้ามาในพื้นที่นี้จะมีศักยภาพในการซื้อขายสูงในอนาคตอันใกล้นี้
หุ้นที่น่าเทรด: GOOGLE, INTEL
การคำนวณควอนตัม
เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่อย่างรวดเร็วอีกเทคโนโลยีหนึ่งที่ขับเคลื่อนกฎกลศาสตร์ควอนตัมเพื่อแก้ปัญหาที่ซับซ้อนเกินไปสำหรับคอมพิวเตอร์คลาสสิกคือการคำนวณควอนตัม การคำนวณนี้จะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ตามหลักการของทฤษฎีควอนตัม ตามทฤษฎีแล้ว การคำนวณด้วยควอนตัมช่วยให้เราสามารถจัดเก็บสถานะต่อหน่วยข้อมูลได้มากขึ้น และใช้อัลกอริธึมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในระดับตัวเลข
ตลาดคอมพิวเตอร์ควอนตัมคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 325.4 ล้านดอลลาร์ ในปี 2022 ไปเป็น 1987.6 ล้านดอลลาร์ ในปี 2028 โดยมี CAGR ที่ 35.2% ภายในระยะเวลาคาดการณ์ ตลาดนี้จะครอบคลุมซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ บริการคลาวด์ ฯลฯ
ด้วยความก้าวหน้าของการคำนวณควอนตัม หลายอุตสาหกรรม รวมถึงพลังงาน การเงิน ยา โทรคมนาคม และการเกษตร ต่างก็พากันนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ หนึ่งในบริษัทที่ได้พัฒนาเทรนด์เทคโนโลยีนี้คือ Alphabet โดยมี Google เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัท จากรายงาน บริษัทมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในด้านรายได้และรายได้สุทธิ บริษัทยังได้ประกาศการแตกหุ้น 20 ต่อ 1 เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับเทรดเดอร์ ล้วงลึกข้อมูลการแตกหุ้น Google โดยอ่านบทความของเรา
หุ้นที่น่าเทรด: INTEL, MICROSOFT, IBM
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมมีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นเป็นอย่างมาก จากข้อมูลของ McKinsey เราจะประสบกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการปฏิวัติในทศวรรษหน้ามากกว่าที่เราทำใน 100 ปีที่ผ่านมา และเทรนด์เทคโนโลยีบางอย่างจะครอบงำสาขาที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลานี้
ความตระหนักและความเข้าใจในการเปลี่ยนแปลงนี้และศักยภาพของเทคโนโลยีจะช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องในขณะทำการซื้อขาย บริษัทต่างๆที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจะเสริมศักยภาพในอนาคต ทำให้หุ้นของพวกเขาเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการซื้อขาย
คุณสามารถซื้อขายหุ้นแห่งอนาคตได้แล้วตอนนี้กับ FBS หุ้นทั้งหมดข้างต้นในบทความนี้มีอยู่ใน FBS MT5 หรือ FBS Trader