ความผันผวนของตลาด: เคล็ดลับสำคัญของ การเทรดในตลาดที่ผันผวน

ความเชื่อ - การสุ่ม

คุณเคยสังเกตธรรมชาติไหม? หลายอย่างเช่นวิถีของผึ้งอาจดูเหมือนสุ่ม จริงแล้วมันไม่ได้สุ่ม ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นแบบสุ่มๆในธรรมชาติ พวกมันจะปรากฏขึ้นแบบสุ่มเนื่องจาก คุณไม่ทราบสาเหตุที่ผลักดันสิ่งนั้นและสิ่งนั้น ให้ไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง โดยปกติแล้วเมื่อมีหลายสิ่งหลายอย่าง เกิดขึ้นพร้อมกัน สมองจะไม่สามารถเข้าใจ มันได้ - เช่นเดียวกันกับในตลาด

เมื่อคุณดูที่กราฟโดยเฉพาะในกรอบเวลาเล็กๆ - การเคลื่อนไหวของราคาก็ดูเหมือนจะเกิดขึ้น แบบสุ่มๆและคาดเดาไม่ได้ อย่างไรก็ตามมีเหตุผลที่ผลักดันดอลลาร์, ยูโร, ปอนด์ และสกุลเงินหรือสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ไปในทางที่พวกมันดำเนินไป

ปัญหาคือกราฟที่คุณเห็นในเทอร์มินัลการซื้อขาย นั้นให้ข้อมูลอย่างจำกัด หากคุณต้องการศึกษาคู่สกุลเงินที่เลือก อย่างละเอียด คุณจะต้องรู้หลายสิ่ง:

• จำนวนและมูลค่าของการซื้อขายในช่วงเวลาที่กำหนด
• มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างเมื่อเวลาผ่านไป
• เทรดเดอร์ประเภทใดที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย และการลงทุนของพวกเขาคืออะไร
• ความเข้มข้นของการซื้อขายในทุกตราสารฯ

หากคุณรู้สิ่งนั้น คุณจะเข้าใจและคาดการณ์ได้ดีขึ้น ว่าราคาจะไปในทิศทางไหนเพราะคุณจะได้เห็น แรงกระตุ้นภายในของมัน อย่างไรก็ตาม MetaTrader ไม่ได้แสดงสิ่งนั้นให้เห็น จะทำอย่างไร?

ความเป็นจริง - ปฏิกิริยา

เทรดเดอร์มีส่วนเกี่ยวข้องในตลาดเป็นดุจฟันเฟือง: หลายล้านชิ้นต่างหมุนวนผลักดันกลไกของตลาดให้ ไกลขึ้นและขยับราคาไปในทิศทางต่างๆ แต่การตอบสนองของเทรดเดอร์ - พวกเขาไม่ได้ ตัดสินใจว่าเข้าซื้อหรือขายอะไรตอนไหนแบบสุ่มๆ พวกเขาเป็นส่วนเชื่อมโยงที่สองในห่วงโซ่ของเหตุการณ์ ที่อยู่ก่อนหน้าส่วนเชื่อมโยงสุดท้าย - ราคา ดังนั้นหากคุณเห็นการเชื่อมโยงที่สองนี้ คุณจะสามารถตัดสินแรงกระตุ้นที่ผลักดัน ราคาแบบทันทีได้ อย่างไรก็ตามหากคุณไม่สามารถ - ซึ่งคุณ ทำไม่ได้แน่ๆใน MetaTrader - คุณก็ควร ถอยหลังหนึ่งก้าวไปก่อนห่วงโซ่ของเหตุการณ์ - ไปที่ส่วนเชื่อมโยงแรก ข่าว

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น: เทรดเดอร์ตื่นขึ้นมาทั่วโลก, ดื่มกาแฟ, อ่านข่าว และจากข่าวนั้นก็ทำการซื้อขายใหม่ และปรับการซื้อขายที่มีอยู่ ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำคือดูข่าวไม่ใช่ดูเทรดเดอร์คนอื่น ด้วยวิธีนี้คุณจะเชื่อมโยงโดยตรงระหว่างโลกแห่ง เหตุการณ์ (ปัจจัยพื้นฐาน) และโลกของตลาด (ราคา)

ดังนั้นก่อนอื่นคุณต้องติดตามข่าวสาร หลักการสำคัญคือ: ข่าวดีจะผลักดันสกุลเงินที่เกี่ยวข้องขึ้น ส่วนข่าวร้าย - ก็ผลักดันลง

ประการที่สอง คุณทำเครื่องหมายระดับทางเทคนิค: ตัวเลขกลมๆ และระดับแนวต้านที่และแนวรับที่ชัดเจน มีความหมายมากในจิตวิทยามวลชนของเทรดเดอร์ - และมันมีเป็นล้านๆ ดังนั้นจึงไม่เหมือนกับแนวต้านที่ 1.0000 จะกดราคา ด้วยตัวมันเอง แต่ถ้าราคาตีสองสามครั้งแล้วกลับตัว มันจะมีนัยสำคัญในครั้งต่อไป แม้ว่าปัจจัยพื้นฐาน จะชอบข้ามมันไปก็ตาม มันไม่ต้องเป็นตัวเลขกลมๆ - ระดับไหนๆ ก็สามารถเป็นแนวรับและแนวต้านได้ เพียงแค่ใช้สามัญสำนึก: หากคุณเห็นราคานั้นเด้งขึ้นมา จากระดับหนึ่งมากกว่าหนึ่งครั้งแสดงว่ามีบางอย่างในระดับนั้น ทำเครื่องหมายมันเอาไว้และพิจารณาดู

ประการที่สาม แนวโน้ม ปัจจัยพื้นฐานฯเป็นเรื่องพื้นฐานฯเพราะพวกมัน ดำเนินการโดยพื้นฐานไม่ใช่ชั่วขณะ อารมณ์ตลาดอาจเปลี่ยนแปลง แต่ก็ไม่เกิน ความผันผวนรอบๆแนวโน้มนั้นๆ แนวโน้มเหล่านี้ก่อตัวขึ้นจากการกระทำของ ธนาคารกลางและรัฐบาล มันไม่ใช่แค่อารมณ์ที่ตลาดตามมาเมื่อได้ยินว่า อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นหรือลดลงในบางประเทศ เป็นกระบวนการที่มีวัตถุประสงค์เช่นการลดลง หรือการเพิ่มขึ้นของปริมาณเงิน, กิจกรรมการซื้อ, การออม, เครดิต - ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดเศรษฐกิจ

บริษัท, ธนาคาร, และหน่วยงานของรัฐควบคุมสิ่ง พื้นฐานเหล่านั้น ในทางกลับกันพวกมันเป็นตัวกำหนดอุปสงค์และ อุปทานของสกุลเงิน นี่คือสิ่งที่ทำให้เกิดแนวโน้ม กฎของความเฉื่อย: คู่สกุลเงินจะยังคงมีแนวโน้มใหญ่ ต่อไปตราบเท่าที่ตัวแปรของปัจจัยพื้นฐานที่กำหนดแนวโน้ม นั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นอย่าสับสนกับความเชื่อมั่นของตลาด - เช่นเดียวกับที่คุณไม่ควรสับสนกับความรู้สึกของผู้คน ที่ผู้คน - คุณก็ดูที่การกระทำ ที่ราคา - คุณก็ดูที่การกระทำของผู้เล่นรายใหญ่ๆ ของโลกเศรฐกิจ พวกเขาเป็นผู้ที่ทำให้เกิดแนวโน้ม คุณสังเกตเห็นมัน, ทำเครื่องหมายมัน, คาดการณ์มัน, ตรวจสอบจังหวะมัน, และขี่มัน

ประการที่สี่ มันใช้เวลา รู้ไว้เลยว่าตลาดไม่ได้มีเครื่องมือให้เทรดแบบสุ่มๆ มันแค่ขจัดความกลัวพื้นฐานที่ทำให้คุณมองไม่เห็น เมื่อมันถูกกำจัดออกไปแล้ว - คุณก็เทรดต่อไป หลายเดือนจะผ่านไปก่อนที่คุณจะรู้สึกสบายใจที่จะ มีปฏิสัมพันธ์กับตลาด - คุณจินตนาการถึงกระบวนการ ทำกำไรจากสิ่งเกิดจากผู้คนนับล้านอย่างไร? แต่สบายๆ มันไม่ใช่การสุ่ม แต่มันก็ไม่ใช่อะไรง่ายๆที่จะทำ ความกดดันและเวลา - ใส่ทั้งสองสิ่งลงไป ในการศึกษาของคุณแล้วคุณจะสำเร็จ