จะเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพได้อย่างไร?

เทรดเดอร์มืออาชีพคืออะไร?

หลังจากที่ได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโลกแห่งการเทรดและรับเงินจริงจากการเทรดของคุณแล้ว คุณอาจเริ่มคิดที่จะมาเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ แต่ว่าต้องทำอะไรบ้างถึงจะได้เป็นเทรดเดอร์มืออาชีพกันนะ?

เห็นได้ชัดเจนว่าเทรดเดอร์มืออาชีพทำให้การเทรดเป็นงานประจำเต็มเวลาของพวกเขา พวกเขาเหล่านี้เข้าใจเรื่องการเงินและธุรกิจ และใช้ความรู้ของพวกเขาเพื่อสร้างรายได้จากตลาดการเงิน เทรดเดอร์มืออาชีพใช้เวลาส่วนใหญ่ในการวิเคราะห์สภาวะตลาดในปัจจุบัน พัฒนากลยุทธ์การซื้อขายที่ปรับให้เหมาะกับสินทรัพย์ที่พวกเขาเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ และนำไปใช้เพื่อทำกำไรจากการเทรดที่ประสบความสำเร็จ เทรดเดอร์มืออาชีพสามารถทำการเทรดได้แบบจบภายในวันเดียว (เทรดเดอร์รายวัน) หรือภายในระยะเวลาหลายวัน (เทรดเดอร์ Swing) สไตล์การเทรดแต่ละแบบมีความน่าสนใจเฉพาะ และเทรดเดอร์มืออาชีพสามารถเลือกสิ่งที่พวกเขาต้องการเชี่ยวชาญได้

ในบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่เทรดเดอร์จำเป็นต้องรู้เพื่อสร้างอาชีพจากการเทรด ความคาดหวังของเงินเดือนที่คาดว่าจะได้รับ และโอกาสที่อาชีพเทรดเดอร์มืออาชีพจะสามารถมอบให้คุณได้ในอนาคต

ประเด็นที่สำคัญ

• เทรดเดอร์มืออาชีพทำให้การเทรดเป็นงานประจำของพวกเขาและสามารถทำงานให้กับบริษัทหรือประกอบอาชีพอิสระได้
• เทรดเดอร์มืออาชีพจำเป็นต้องเข้าใจว่าตลาดการเงินทำงานอย่างไร และเรียนรู้วิธีการพัฒนากลยุทธ์และเทคนิคของตนเองเพื่อจะได้มั่นใจถึงผลลัพธ์ที่ประสบความสำเร็จ
• ในช่วงทศวรรษหน้าคาดว่าอุตสาหกรรมการเทรดจะเติบโตขึ้น ดังนั้นตอนนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีในการที่จะเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ
• การทำงานกับบริษัทในฐานะเทรดเดอร์มืออาชีพนั้นมั่นคงกว่า ในขณะที่การเป็นเทรดเดอร์ที่ประกอบอาชีพอิสระทำให้คุณสามารถจัดระเบียบสภาพแวดล้อมการทำงานตามความต้องการและความจำเป็นของคุณได้

วิธีการเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ

มีหลายสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้ก่อนที่จะตัดสินใจเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ เทรดเดอร์มืออาชีพไม่พึ่งโชคหรือความเข้าใจที่คลุมเครือเกี่ยวกับวิธีการทำงานของตลาดการเงิน พวกเขาวิเคราะห์แง่มุมต่างๆ ของการเทรดแต่ละรายการก่อนตัดสินใจ ซึ่งทำให้พวกเขาแตกต่างจากเทรดเดอร์มือสมัครเล่น ดังนั้นก่อนที่คุณจะลาออกจากงานเพื่อมาเทรดอย่างมืออาชีพ อย่าลืมเรียนรู้สิ่งต่อไปนี้

เรียนรู้พื้นฐานของการเทรด

คุณไม่สามารถเริ่มเทรดอย่างมืออาชีพได้หากไร้ซึ่งความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องพื้นฐานอย่างสมบูรณ์ ซึ่งรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับตลาดการเงินที่มีอยู่ การเคลื่อนไหวของราคา เครื่องมือการซื้อขายและตัวบ่งชี้ที่สำคัญ เงินทุนเริ่มต้นที่จำเป็นสำหรับการเทรด แผนภูมิประเภทใดที่เทรดเดอร์ใช้ และเวลาไหนที่ดีที่สุดสำหรับการเทรด โดยสามารถพบข้อมูลนี้เหล่านี้ได้ทั้งทางออนไลน์และในร้านหนังสือหลายแห่ง คุณสามารถค้นหาหลักสูตรฟรีสำหรับผู้เริ่มต้นซึ่งมีทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เพื่อทำความเข้าใจว่าการเทรดนั้นเกี่ยวข้องกับอะไร FBS ยังมีหนังสือคู่มือที่ช่วยให้ทั้งเทรดเดอร์มือใหม่และเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Forex และการเทรดได้ทุกวัน

เรียนรู้พื้นฐานขั้นสูง

หลังจากเรียนรู้พื้นฐานการเทรดแล้ว เทรดเดอร์มืออาชีพควรมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มพูนความรู้ของพวกเขา ตัวอย่างเช่น หากคุณตัดสินใจที่จะเทรด Forex คุณต้องเรียนรู้เกี่ยวกับราคาของสกุลเงิน,จุด, กลยุทธ์การเทรด Forex และข้อมูลที่เป็นประโยชน์อื่นๆ การเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดใดตลาดหนึ่งสามารถช่วยให้คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญและทำให้การเทรดอย่างมืออาชีพนั้นง่ายขึ้น เช่นเดียวกับพื้นฐานของการเทรด คุณสามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับพื้นฐานขั้นสูงทางออนไลน์และในหนังสือได้ และเรียนหลักสูตรขั้นสูงเพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดที่คุณสนใจ

พัฒนากลยุทธ์และเทคนิคการเทรด

สิ่งต่อไปที่เทรดเดอร์มืออาชีพทุกคนจำเป็นต้องรู้คือ กลยุทธ์และเทคนิคในการเทรดมีอะไรบ้าง และจะนำไปใช้ในการเทรดในชีวิตจริงได้อย่างไร ซึ่งรวมถึงการเรียนรู้เกี่ยวกับแผนภูมิราคาและรูปแบบแผนภูมิ เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค แนวโน้มขาขึ้นและขาลง และวิธีการใช้เพื่อพัฒนากลยุทธ์การเทรดที่ประสบความสำเร็จ

ในกรณีนี้ แหล่งข้อมูลออนไลน์ฟรีจะไม่มีประโยชน์เท่าไร เพราะว่าพวกเขามักอธิบายถึงกลยุทธ์และเทคนิคแบบทั่วๆ ไปโดยไม่ลงลึกถึงรายละเอียด หากต้องการเรียนรู้กลยุทธ์ขั้นสูงที่มีประสิทธิภาพ คุณอาจต้องพิจารณาหาเทรดเดอร์มืออาชีพเพื่อมาสอนหรือให้คำแนะนำเกี่ยวกับหัวข้อนี้แก่คุณ (ซึ่งไม่ฟรี) ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติที่จะดูว่าเทรดเดอร์มืออาชีพรายอื่นทำการเทรดกันอย่างไร แล้วถึงมาสร้างกลยุทธ์การเทรดของคุณเองโดยอิงจากประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จของพวกเขา

เพิ่มพูนประสบการณ์การเทรด

ทฤษฎีนั้นยอดเยี่ยมและสามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมายแก่คุณในการเริ่มต้นการเทรดได้ แต่ความรู้และประสบการณ์ที่แท้จริงนั้นได้มาจากการเทรดในตลาดจริงต่างหาก นี่คือเวลาที่คุณควรทดสอบกลยุทธ์และเทคนิคเริ่มต้นของคุณ และดูว่าอะไรเหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ และอะไรที่คุณสามารถปรับเปลี่ยนได้เพื่อป้องกันการสูญเสียหรือทวีคูณผลกำไรของคุณ

ลองทำการเทรดบนกระดาษดู

เรารู้กันดีว่าการเทรดด้วยเงินจริงนั้นเป็นเรื่องที่เครียดมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเพิ่งเริ่มเทรดใหม่ๆ สิ่งต่างๆ อาจเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและทำให้คุณไม่ได้รับผลกำไรใดๆ และบางครั้งก็มาพร้อมกับหนี้สินจำนวนมาก นั่นเป็นเหตุผลที่บางแพลตฟอร์มการซื้อขายใช้การเทรดบนกระดาษเป็นตัวเลือกหนึ่ง การเทรดบนกระดาษเป็นการจำลองการเทรดที่ช่วยให้เทรดเดอร์มือใหม่ฝึกฝนการเทรดด้วยเงินที่ไม่ใช่เงินจริงโดยใช้การเคลื่อนไหวของราคาในตลาดจริง สิ่งนี้ช่วยให้เทรดเดอร์เห็นว่ากลยุทธ์และเทคนิคปัจจุบันของพวกเขาจะเป็นอย่างไรในชีวิตจริงโดยที่ไม่ต้องนำเงินของพวกเขาเองไปเสี่ยงจริงๆ

เลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้

โบรกเกอร์เป็นตัวแทนที่เชื่อมโยงเทรดเดอร์กับตลาดการเงิน จากนั้นก็จับคู่และเจรจาต่อรองทางการซื้อขายระหว่างฝ่ายต่างๆ ในตลาดเหล่านี้ เทรดเดอร์มือใหม่สามารถใช้โบรกเกอร์เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์และเทคนิคการเทรดใหม่ๆ และนำมาประกอบรวมเข้ากับสไตล์การเทรดของตนเองในภายหลัง

แต่ก่อนที่คุณจะเลือกโบรกเกอร์ใดๆ ก็ตาม คุณต้องดูให้แน่ใจว่าโบรกเกอร์นั้นเชื่อถือได้ ตรวจสอบข้อมูลประจำตัวและดูว่ามีการกำกับดูแลโดยหน่วยงานที่น่านับถือหรือไม่ ก่อนที่จะมอบความไว้วางใจให้พวกเขาดูแลเงินของคุณ

เรียนรู้ที่จะโฟกัส

หากคุณตัดสินใจที่จะเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ คุณต้องเข้าใจว่าการเทรดต้องการการโฟกัสและความมุ่งมั่น เช่นเดียวกับงานอื่นๆ คุณต้องติดตามการเคลื่อนไหวของราคาอย่างต่อเนื่องเพื่อหาช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเข้าหรือออกจากการเทรด คุณจะไม่ได้รับผลลัพธ์ที่ดี หากคุณเสียสมาธิจากการเทรดของคุณ แถมยังอาจขาดทุนได้ด้วย ดังนั้นอย่าได้คิดว่าอาชีพการเทรดเป็นเพียงแค่การพักผ่อนและโฟกัสไปที่การทำให้การเทรดทั้งหมดของคุณเป็นไปตามที่วางแผนไว้

รู้จักบริหารความเสี่ยง

การเทรดอาจมีความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณพยายามเทรดด้วยเลเวอเรจและไม่ได้ใช้เงินทุนของคุณเอง คุณต้องวางแผนล่วงหน้าและเตรียมกลยุทธ์การจัดการความเสี่ยง การจัดการความเสี่ยงหมายถึงการระบุภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นและหาวิธีหลีกเลี่ยง สิ่งเหล่านี้รวมถึงการกำหนดจำนวนเงินที่คุณยินดีที่จะสูญเสียไปหากมีบางสิ่งผิดพลาดเกิดขึ้น การกำหนดตลาดที่ดีที่สุดสำหรับการเทรด, การวางเป้าหมายราคาเพื่อรักษาผลกำไรและวางคำสั่ง Stop Loss เพื่อจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น และการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคและตัวบ่งชี้เพื่อทำนายแนวโน้มของตลาดในอนาคต ความเสี่ยงเป็นส่วนหนึ่งของการเทรดเสมอ แต่คุณจะรับมือกับมันได้ดีแค่ไหนทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับคุณเท่านั้น

รู้จักศักยภาพของคุณ

สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาจำนวนเงินที่คุณพร้อมที่จะลงทุนในการเทรด สิ่งนี้จะช่วยคุณสร้างกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินในปัจจุบันของคุณและค้นหาว่าการตัดสินใจใดที่เป็นไปได้ทางการเงินสำหรับคุณ ยิ่งคุณเทรดนานเท่าไร คุณก็ยิ่งสามารถคาดหวังผลกำไรที่จะได้รับได้มากขึ้นเท่านั้น การเข้าใจว่ามันอาจต้องใช้เวลาสักพักจะช่วยให้คุณไม่รู้สึกท้อแท้

ทำการจดบันทึกการเทรด

เทรดเดอร์มืออาชีพที่ประสบความสำเร็จทุกคนจะจดบันทึกโดยละเอียดเกี่ยวกับการเทรดทั้งหมดของพวกเขา ไม่ว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ตาม การจดบันทึกการเทรดเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการวิเคราะห์ว่ากลยุทธ์และเทคนิคใดได้รับการพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จและกลยุทธ์และเทคนิคใดที่ต้องการการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติม สิ่งที่พบได้บ่อยที่สุดในบันทึกของคุณคือวันที่ของการเทรดแต่ละครั้ง กรอบเวลา ขนาดล็อต ราคาซื้อและราคาขาย กำไร ขาดทุน และข้อมูลอื่นๆ ที่คุณคิดว่าอาจมีประโยชน์สำหรับการอ้างอิงในอนาคต

ตรวจสอบการเทรดของคุณ

การตรวจสอบผลการเทรดของคุณจะช่วยให้คุณทราบได้ว่าปัจจัยใดที่นำไปสู่ผลลัพธ์ที่ประสบความสำเร็จ การทำความเข้าใจว่าเหตุใดกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จของคุณจึงใช้งานได้จริงสามารถช่วยให้คุณรู้ว่ากลยุทธ์เดียวกันนี้สามารถนำไปใช้กับการเทรดอื่นๆ ของคุณและสร้างผลกำไรได้มากขึ้นหรือไม่

พิจารณาการรับวุฒิปริญญา

การมีวุฒิปริญญาในสาขาการเงินไม่จำเป็นต่อการเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ อย่างไรก็ตามมันก็อาจมีประโยชน์อย่างมาก เพราะความรู้นี้จะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการทำงานของตลาดการเงินและสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเทรดของคุณ นอกจากนี้ วุฒิปริญญายังช่วยให้คุณได้รับใบรับรองเพื่อขยายประสบการณ์การเทรดอย่างมืออาชีพและหางานทำในบริษัทได้

เงินเดือนสำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพ

เมื่อพูดถึงเรื่องเงินเดือนแล้ว มันอาจมีความแตกต่างกันมากอยู่ โดยขึ้นอยู่กับสถานที่ตั้ง สถานที่ทำงาน ประสบการณ์ และทักษะ เทรดเดอร์มืออาชีพในสหรัฐอเมริกาสามารถสร้างรายได้ได้ตั้งแต่ $50,000 ถึง $160,000 โดยมีเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ $91,000 นอกจากเงินเดือนที่แน่นอนแล้ว เทรดเดอร์มืออาชีพยังสามารถรับค่าคอมมิชชันได้สูงถึง $25,000 อีกด้วย สำหรับสิทธิประโยชน์ เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มักจะได้รับประกันภัย การลาเพื่อครอบครัว การลาหยุดที่ได้รับค่าจ้าง ตารางเวลาที่ยืดหยุ่น และโอกาสในการทำงานจากที่บ้าน

แนวโน้มงานสำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพ

ในขณะนี้ คาดว่าในทศวรรษหน้าอุตสาหกรรมการเทรดจะเติบโต 4%–6% แม้ว่าความต้องการจะลดลงจากช่วงก่อนหน้านี้ก็ตาม นี่เป็นข่าวดีสำหรับทุกคนที่คิดจะเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ ตามความเป็นจริงแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่จะเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพและทำเงินให้ได้มากที่สุดในช่วงทศวรรษหน้าเท่าที่คุณจะทำได้

ทักษะสำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพ

แน่นอนว่า เทรดเดอร์มืออาชีพจำเป็นต้องมีทักษะเฉพาะเพื่อให้ประสบความสำเร็จในสาขานี้ ซึ่งประกอบด้วย:

• การคิดวิเคราะห์
• การศึกษาค้นคว้าข้อมูล
• การจดบันทึก
• ความอดทน
• การโฟกัส
• ความรู้ทางการเงิน
• สัญชาตญาณ
• ความทนทานต่อความเครียด
• ความสามารถในการปรับตัว

โชคดีที่ทักษะเหล่านี้นั้นไม่ยากที่จะเรียนรู้ และใครก็ตามที่มีประสบการณ์การทำงานขั้นพื้นฐานก็มีทักษะเหล่านี้เกือบทั้งหมดอยู่แล้ว และสามารถนำทักษะเหล่านี้ไปใช้ในอาชีพการเทรดได้

สภาพแวดล้อมในการทำงานสำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพ

สภาพแวดล้อมในการทำงานสำหรับเทรดเดอร์มืออาชีพอาจแตกต่างกันอย่างมาก ขึ้นอยู่กับว่าคุณประกอบอาชีพอิสระหรือทำงานให้กับบริษัท

เทรดเดอร์ที่ประกอบอาชีพอิสระสามารถสร้างตารางเวลาของตนเองตามไลฟ์สไตล์ของตนได้ พวกเขาสามารถทำงานได้ตลอดเวลาและจากทุกที่ทั่วโลกด้วยการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เสถียร เทรดเดอร์ที่เป็นประกอบอาชีพอิสระต้องการคอมพิวเตอร์หรือแล็ปท็อป และอาจต้องการอุปกรณ์เพิ่มเติมเพื่อให้การทำงานสะดวกยิ่งขึ้น

เทรดเดอร์มืออาชีพที่ทำงานให้กับบริษัทต่าง ๆ มักจะต้องทำงานในชั่วโมงทำงานตามเวลาที่กำหนด แม้ว่าจะไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกบริษัทก็ตาม พวกเขาสามารถทำงานในอาคารสำนักงานหรือจากที่บ้าน แม้ว่าเทรดเดอร์ที่ประกอบอาชีพอิสระจะมีอิสระในการปรับแต่งสภาพแวดล้อมในการทำงานมากกว่า แต่เทรดเดอร์มืออาชีพจะได้รับสวัสดิการจากที่ทำงาน เช่น การลาหยุดที่ได้รับค่าจ้าง การลาป่วย โบนัส ฯลฯ