คู่มือกลยุทธ์การเทรดตามเทรนด์: มันคืออะไร และจะสร้างกลยุทธ์การเทรดตามเทรนด์ได้อย่างไร?

คู่มือกลยุทธ์การเทรดตามเทรนด์: มันคืออะไร และจะสร้างกลยุทธ์การเทรดตามเทรนด์ได้อย่างไร?

อัปเดทแล้ว • 2023-03-28

หากคุณคุ้นเคยกับการเทรดอยู่แล้ว คุณก็รู้เรื่องเทรนด์ เทรนด์จะแสดงทิศทางของราคา มันอาจเป็นเทรนด์ขาขึ้น, ขาลง หรือไซด์เวย์ หากเทรดเดอร์เข้าใจวิธีการระบุเทรนดฺ์ พวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะมีปัญหาน้อยมากในการเปิดคำสั่งซื้อ เทรดเดอร์ต้องมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการขี่เทรนด์เพื่อเพิ่มโอกาสในการซื้อขายที่ประสบความสำเร็จ บทความนี้จะกล่าวถึงเคล็ดลับการเทรดตามเทรนด์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และศึกษากลยุทธ์การเทรดตามเทรนด์ที่น่าตื่นเต้นและเรียบง่ายที่สุดบางส่วน

กลยุทธ์การเทรดตามเทรนด์คืออะไร?

ในการสร้างกลยุทธ์การเทรดตามเทรนด์ที่มีประสิทธิภาพ คุณจำเป็นต้องรู้วิธีเทรดด้วยเทรนด์ การเทรดตามเทรนด์ใน Forex เป็นรูปแบบการเทรดยอดนิยมของเทรดเดอร์ที่ใช้ประโยชน์จากราคาที่เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวเป็นระยะเวลานาน เมื่อเทรดในตลาดเป็นเทรนด์ เทรดเดอร์จะต้องระมัดระวังอย่างมากและให้ความสนใจกับสัญญาณของการกลับตัวที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะทำลายการตั้งค่าของพวกเขา George Soros เทรดเดอร์สายเทรนด์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลคนหนึ่ง ผู้ที่กลยุทธ์การเทรดตามเทรนด์ของเขาได้ช่วยให้เขาสามารถคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ของตลาดได้

ประโยชน์ของวิธีการตามเทรนด์

การเทรดตามเทรนด์นั้นมีข้อดีเหนือกว่ารูปแบบการเทรดแบบอื่นๆหลายประการ แล้วข้อดีหลักๆของวิธีการเทรดแบบนี้คืออะไร?

  • การเทรดตามเทรนด์สามารถนำไปสู่ผลกำไรที่มากขึ้นได้ หากคุณติดตามเทรนด์ คุณสามารถอยู่ในตำแหน่งที่ชนะได้นานมากเท่าที่จะเป็นไปได้ ดังนั้น คุณจะเพิ่มผลลัพธ์ของการเทรดของคุณให้ได้มากที่สุด คนที่เทรดตามเทรนด์จะปรับอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนมาตรฐานที่ 1:3 และเพิ่มเป็น 1:4 หรือสูงกว่านั้นขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของเทรนด์
  • การเทรดตามเทรนด์มีต้นทุนการทำธุรกรรมที่ต่ำกว่า การเทรดตามเทรนด์ต่างจากการเทรดแบบ scalping ที่ไม่จำเป็นต้องเปิดหลายสิบคำสั่งซื้อ ด้วยวิธีนี้ คุณจะประหยัดเงินเพราะคุณไม่ต้องเสียค่าคอมมิชชันและค่าสเปรดสำหรับทุกๆคำสั่งซื้อที่คุณเปิด
  • การเทรดตามเทรนด์ช่วยประหยัดเวลา โดยเฉลี่ยแล้ว เทรดเดอร์ต้องใช้เวลา 1-2 ชั่วโมงในการติดตามกราฟและตรวจสอบพอร์ตการซื้อขายของพวกเขาเมื่อเทรดตามเทรนด์ คำสั่งซื้ออาจดำเนินไปเป็นเวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์หากแนวโน้มแข็งแกร่ง ส่งผลให้คุณมีเวลาไปทำกิจกรรมอื่นๆ

การเทรดตามเทรนด์ใช้กับหุ้นได้หรือเปล่า?

ไม่ว่าคุณจะเทรดหุ้น สินค้าโภคภัณฑ์ หรือตลาด Forex การจัดการกับกลยุทธ์การเทรดตามเทรนด์ต้องใช้กฎการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เหมือนกันทั้งหมด คุณสามารถหาเทรนด์ได้ในทุกกราฟ ดังนั้นคุณสามารถลองใช้กลยุทธ์การเทรดตามเทรนด์ด้วยเครื่องมือใดก็ได้ที่คุณชอบ  

ใครคือเทรดเดอร์คนดังที่เทรดตามเทรนด์?

เทรดเดอร์ที่เทรดตามเทรนด์ที่ประสบความสำเร็จสามารถทำเงินได้หลายพันล้านดอลลาร์ด้วยทักษะการเทรดตามเทรนด์, กลยุทธ์, และความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างตลาด เราได้เน้นย้ำไปแล้วว่า George Soros เป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลของแนวทางการเทรดตามเทรนด์ อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายคนที่เราสามารถพูดถึงได้

หนึ่งในคนดังของผู้ที่เทรดตามเทรนด์คือ Ed Seykota เขาเป็นหนึ่งในเทรดเดอร์ที่ได้รับการสัมภาษณ์ใน "Market Wizards" โดย Jack Schwager ด้วยเงินในกระเป๋าเพียง $5,000 เขาสามารถทำเงินได้ $15 ล้านในระยะเวลา 12 ปี

ตำนานอีกคนของการเทรดตามเทรนด์คือ David Harding ซึ่งเป็ CEO ของ Winton Capital กองทุนที่เทรดตามแนวโน้มของเขามีทรัพย์สินเกิน 3 หมื่นล้านเหรียญ

ในที่สุด คุณคงเคยได้ยินเกี่ยวกับฮีโร่ของหนังสือ "Reminiscences of a Stock Operator" Jesse Livermore แล้ว เทรดเดอร์บางคนตั้งชื่อเขาว่าเป็นบิดาของวิธีการเทรดตามเทรนด์ ในปี 1929 เขามี $100 ล้าน สำหรับเงินในปัจจุบัน ก็ประมาณ $1.5 พันล้าน ลางสังหรณ์ของเขาที่มีต่อตลาดช่างเป็นที่น่าประทับใจมากซะจนทุกวันนี้เขาก็ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับเทรดเดอร์

นี่คือเทรดเดอร์ที่เทรดตามเทรนด์บางส่วนที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด ผู้ที่ได้เปลี่ยนพลังและทักษะของตนให้กลายเป็นเงิน บางทีคนต่อไปในรายชื่ออาจจะเป็นคุณก็ได้นะ?

จะสร้างกลยุทธ์การเทรดตามเทรนด์ได้อย่างไร?

ขั้นตอนแรกในการสร้างกลยุทธ์การเทรดตามเทรนด์นั้นสำคัญที่สุด - คุณต้องมองเทรนด์ให้ออก คุณสามารถทำได้ด้วยตนเองหรือด้วยความช่วยเหลือของตัวบ่งชี้

ผู้ที่มีประสบการณ์ในการเทรดจะมองเทรนด์ออกในพริบตา! ด้วยวิธีการง่ายๆคือเชื่อมต่อจุดสูงสุดและต่ำสุด คุณต้องเชื่อมต่ออย่างน้อยสองจุดบนกราฟ หากทั้งจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของราคากำลังยังตัวขึ้นเรื่อยๆ เทรดเดอร์สามารถบอกได้ว่ามันกำลังเคลื่อนที่เป็นเทรนด์ขาขึ้น ในทำนองกลับกัน หากจุดสูงวุดและต่ำสุดของราคาต่างก็กดตัวลงเรื่อยๆ นั่นแสดงว่าคุณกำลังเจอกับแรงกดดันลงด้านล่าง ซึ่งหมายถึงเทรนด์ขาลงกำลังเริ่มขึ้น

1.png

ในภาพด้านบน เราสามารถระบุเทรนด์ขาลงที่ชัดเจนหลังจากเชื่อมต่อจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดที่ชัดเจนที่สุดของ EURUSD ในกราฟรายวัน ราคาได้สร้างจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดที่กดตัวต่ำลง นอกจากนี้ ราคาได้เคลื่อนไหวภายในช่องขาลง นั่นคือการสร้างสมดุลระหว่างเส้นทแยงมุมสองเส้นที่จำกัดราคาจากทั้งขาขึ้นและขาลงโดยไม่มีการพุ่งทะลุออกไป ราคาได้เคลื่อนไหวในช่องนี้มาเกือบเก้าเดือนแล้ว ดังนั้นแนวโน้มขาลงจึงถือว่าแข็งแกร่ง

การเทรดตามเทรนด์ด้วยเส้น Moving Averages

เทรดเดอร์ที่เทรดตามเทรนด์ส่วนใหญ่ชอบสร้างระบบเทรดตามเทรนด์มากกว่าการใช้กราฟเปล่า การตั้งค่าที่ซับซ้อนเหล่านี้จะรวมถึงการปรับใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคกับกราฟ มีตับ่งชี้ติดตามเทรนด์หลายตัวที่สามารถช่วยคุณได้ ซึ่งที่นิยมกันมากที่สุดก็คือ moving averages ซึ่งจะมีทั้ง simple, exponential, linear weighted, และ smoothed moving averages ซึ่งทุกเส้นก็จะมีวิธีกากคำนวณแตกต่างกัน

Simple moving average (MA) คือเส้น moving average ยอดนิยม มันจะแสดงราคาเฉลี่ยของช่วงเวลาที่พิจารณา

Exponential MA และ Linear Weighted MA คำนวณราคาล่าสุดด้วยค่าสัมประสิทธิ์ที่สูงกว่า ทั้งคู่จะให้สัญญาณเร็วกว่า อย่างไรก็ตาม พวกมันอาจให้ข้อมูลที่ล่าช้า ระวังด้วยนะ!  

Smoothed MA ถูกสร้างมาจาก simple MA แต่จะล้างการเคลื่อนไหวของราคาจากความผันผวนออกให้มากที่สุด

เส้น moving averages ที่ดีที่สุดสำหรับการระบุเทรนด์คือ smoothed moving averages. เทรดเดอร์สามารถค่า periods ที่แตกต่างกันของแต่ละเส้น MA เพื่อใช้ในการวิเคราะห์เทรนด์ โดยทั่วไปแล้ว เทรดเดอร์จะยึดติดกับเส้น simple moving average 200 มันจะแสดงทิศทางโดยลำเอียงของตลาด การตีความกลยุทธ์การเทรดตามเทรนด์แบบคลาสสิกด้วยเส้น simple moving average 200 นั้นตรงไปตรงมา หากราคาเคลื่อนที่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ แสดงว่ามีโมเมนตัมขาขึ้น ซึ่งในกรณีนี้ ให้คิดพิจารณาเปิด long ในทำนองกลับกัน หากราคาเคลื่อนลงไปใต้ SMA 200 แสดงว่าคุณกำลังเจอกับเทรนด์ขาลง

2.png

ในกราฟรายวันของ EURUSD ด้านบน คุณจะเห็นว่าจุดสูงสุดและต่ำสุดของราคากำลังยกตัวสูงขึ้นเรื่อยๆเมื่อมันอยู่เหนือเส้น moving average ตรงกันข้า มันกดจุดสูงสุดและต่ำสุดของราคาลงเรื่อยๆเมื่อมันอยู่ใต้เส้น moving average

ตัวบ่งชี้ความแรงของเทรนด์

มีอีกตัวบ่งชี้อีกที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยที่ทรงพลังเมื่อต้องทำงานกับเทรนด์ นั่นก็คือ Trend intensity index (TTI) ที่ M. H. Pee ได้พัฒนาขึ้นมาเพื่อวัดความแข็งแกร่งของเทรนด์ในตลาด โดยจะเปรียบเทียบสัดส่วนของราคาในช่วง 30 วันก่อนหน้าที่สูงกว่าหรือต่ำกว่าเส้น moving average 60 วันของวันนี้

มันจะใช้ MA-60 ของวันนี้และส่วนเบี่ยงเบนในแต่ละวันสำหรับการคำนวณ ค่าเบี่ยงเบนจะถูกคำนวณจากส่วนต่างระหว่างราคาปิดและราคาเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนขึ้นจะให้จำนวนบวกในขณะที่ค่าเบี่ยงเบนลงจะให้จำนวนลบ สูตรของตัวบ่งชี้ TII จะมีลักษณะดังนี้:

Trend intensity index (TII) = (total up / (total up + total down)) * 100

ตัวบ่งชี้ความแข็งแกร่งของเทรนด์จะสมดุลอยู่ระหว่าง 0 ถึง 100 หากค่า TII ต่ำกว่า 50 แสดงว่ามีแนวโน้มเป็นขาลง เมื่อมันเคลื่อนตัวเข้าใกล้ 20 แนวโน้มขาลงมีความแข็งแกร่ง ในทางตรงกันข้าม หาก TII อยู่เหนือ 50 จะเป็นเทรนด์ขาขึ้น ยิ่งตัวบ่งชี้อยู่ใกล้ 80 มากเท่าไหร่ เทรนด์ขาขึ้นก็ยิ่งแข็งแกร่ง คุณสามารถดาวน์โหลด Trend intensity index สำหรับ Metatrader 5 ได้จากเว็บไซต์หลักของ MQL5

3.png

กราฟด้านบนจะแสดงให้เห็นว่าเมื่อราคากำลังพุ่งขึ้น และตัวบ่งชี้อยู่เหนือระดับ 80 พอราคาสร้างจุดต่ำสุด ตัวบ่งชี้ TII ได้ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 20 นอกจากนี้เรายังสามารถสังเกตได้ว่าแม้ Trend intensity index จะดูมีความแม่นยำ แต่มันก็ยังตงเป็นตัวบ่งชี้ที่ช้า คุณสามารถพูดได้ว่าโดยดูที่ขอบด้านขวาของสี่เหลี่ยมสีเขียว ราคากลับตัวเป็นขาลง แต่ตัวบ่งชี้ยังคงแสดงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง ดังนั้น คุณสามารถใช้มันเป็นเครื่องมือเพิ่มเติมในการระบุเทรนด์ แต่ไม่ใช่เป็นตัวให้สัญญาณ

เส้นเทรนด์ไลน์และรูปแบบกราฟ

รูปแบบกราฟมีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิคและการเทรดตามเทรนด์ หากเทรดเดอร์สายเทรนด์มีประสบการณ์ในการทำงานกับรูปแบบกราฟ มันจะช่วยให้พวกเขาสามารถคาดการณ์การกลับตัวหรือความต่อเนื่องของแนวโน้มได้ เทรดเดอร์บางคนสร้างกฎของระบบการเทรดตามเทรนด์ทั้งหมดบนรูปแบบกราฟ มาดูรูปแบบกราฟที่ได้รับความนิยมสูงสุดกันเถอะ

รูปแบบ Head and Shoulders

4.png

รูปแบบ head-and-shoulders จะก่อตัวขึ้นที่จุดสิ้นสุดของแนวโน้ม มันจะประกอบด้วยส่วนหัว (จุดที่สูงที่สุด), ไหล่สองข้าง (จุดสูงสุดที่ต่ำกว่า) และส่วนคอที่เชื่อมต่อจุดต่ำสุดของรูปแบบและทำหน้าที่เป็นระดับแนวรับ ส่วนคออาจเป็นเส้นแนวนอนหรือแนวเฉียงขึ้น/ลง หากราคาทะลุต่ำกว่าส่วนคอหลังจากสร้างไหล่ที่สอง รูปแบบจะได้รับการยืนยัน และคุณจะเห็นจุดเริ่มต้นของแนวโน้มขาลง รูปแบบนี้ช่วยให้เทรดเดอร์สายเทรนด์ปิดคำสั่งซื้อ long และเตรียมพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหวขาลงครั้งใหม่

 ในทางกลับกัน รูปแบบ inverse head and shoulders จะปรากฏขึ้นที่จุดสิ้นสุดของแนวโน้มขาลงและส่งสัญญาณการเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้น

Double Top และ Double Bottom

5.png

รูปแบบ double top ประกอบด้วยยอดสองยอดที่ต่อเนื่องกันซึ่งมีความสูงใกล้เคียงกันโดยมีระยะห่างระหว่างกันเล็กน้อย รูปแบบนี้จะส่งสัญญาณว่าแนวโน้มจะเปลี่ยนจากขาขึ้นเป็นขาลง เช่นเดียวกับ head and shoulders คุณสามารถวาดส่วนคอนผ่านจุดต่ำสุดของรูปแบบนี้ได้

นอกจากนี้ยังมีรูปแบบ double bottom ที่จะคาดการณ์การกลับตัวเป็นขาขึ้น

เทรดเดอร์ที่ต้องการยืนยันแนวโน้มที่แข็งแกร่งจะพบว่ารูปแบบกราฟความต่อเนื่องนั้นมีประโยชน์อย่างยิ่ง มีรูปแบบ triangles, flags, pennants, wedges, และ rectangles. Triangles และ flags นั้นระบุได้ง่ายที่สุด

Triangle

รูปแบบ triangle มีสามประเภท: ascending, descending, และ symmetrical. หากคุณเจอรูปแบบ ascending แสดงว่าเทรนด์ขาขึ้นมีโอกาสไปต่อ ในกรณีที่เจอรูปแบบ descending คุณต้องเตรียมตัวสำหรับเทรนด์ขาลง ในกรณีของ symmetrical triangle จะตีความหมายได้ว่าทั้งกระทิงและหมีไม่ได้ครองตลาด

6.png

ในรูปด้านบน คุณสามารถดูตัวอย่างของรูปแบบ symmetrical triangle หากคุณเปิดคำสั่งซื้อเหนือระดับสูงสุดที่กดตัวลงและใต้ระดับต่ำสุดที่ยกตัวขึ้น ไม่ว่าราคาจะวิ่งไปทางไหน คุณก็จะได้ออเดอร์ เมื่อคำสั่งซื้อหนึ่งถูกเปิดไปแล้ว อย่าลืมลบอีกคำสั่งซื้อที่ไม่ถูกเปิดทิ้งไป

ธง (Flag)

รูปแบบ flag จะเกิดขึ้นเมื่อระยะการสะสมราคาวิ่งไปตามการเคลื่อนไหวที่สำคัญของราคา มันจะประกอบไปด้วยเส้นขนานสองเส้นและเสาธง bullish flag จะปรากฏในช่วงขาขึ้น (ดูภาพด้านล่าง) ในทำนองกลับกัน bearish flag จะส่งสัญญาณความต่อเนื่องของแนวโน้มขาลง

7.png

ดังที่คุณเห็นในภาพด้านบน bullish flag จะเป็นเครื่องยืนยันในอุดมคติของการไปต่อของโมเมนตัมขาขึ้น หากมันปรากฏบนกราฟ คุณต้องถือตำแหน่ง long

แม้ว่าการรู้รูปแบบกราฟจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเทรดภายในเทรนด์ได้ แต่การตั้งค่าการเทรดตามเทรนด์ที่ดีที่สุดก็เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การเทรด มาดูวิธีการเทรดด้วยกลยุทธ์การเทรดตามเทรนด์กันอย่างถูกต้องกัน!

คู่มือกลยุทธ์การเทรด

มีกลยุทธ์การเทรดตามเทรนด์อยู่จำนวนมาก แต่มีไม่มากที่มีกฎการเข้าที่เข้มงวด บางคนบอกว่า "ซื้อต่ำๆแล้วขายสูงๆ" ส่วนคนอื่นๆก็ใช้ตัวบ่งชี้เพียงตัวเดียว (เช่น RSI) และไม่ต้องการวาง Stop Loss

บทความนี้จะให้ตัวอย่างกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพพร้อมกฎการเข้าง่ายๆและการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม ไปดูการตั้งค่ากัน!

การตั้งค่ากลยุทธ์การเทรด

ตราสาร: ทุกตราสาร

กรอบเวลา: D1 หรือ H4 เหมาะที่สุด

ตัวบ่งชี้: SMA-200, 20, และ 50, Average True Range

กฏการเปิด long:

  1. ตรวจสอบเทรนด์ ในการเปิด long เราต้องเห็นราคาอยู่เหนือเส้น SMA-200
  2. รอให้ราคาทดสอบแนวรับแบบไดนามิกระหว่างเส้น SMA-20 และ 50 สองครั้ง
  3. เปิดออเดอร์ที่ราคาปิดของแท่งเทียนขาขึ้นถัดไปหลังการทดสอบ
  4. คำนวณ Stop Loss เป็น 2*ATR แล้วนำค่าที่ได้ไปลบจากราคาที่คุณเข้า
  5. ปิดออเดอร์เมื่อราคาร่วงลงต่ำกว่า SMA-50

มาดูตัวอย่างกัน บนกราฟ H4 ของ EURUSD คู่เงินนี้เคลื่อนไหวอยู่เหนือ SMA-200 (เส้นสีน้ำตาล) ดังนั้นราคาจึงเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้น หลังจากที่ราคาแตะเส้น SMA-20 (เส้นสีแดง) เป็นครั้งที่สาม เราก็พิจารณาเปิด long แท่งเทียนแท่งแรกหลังการทดสอบ SMA-20 ปิดเป็นสีเขียว เราได้เปิดคำสั่งซื้อ "Buy" ที่ราคาปิดของแท่งเทียนแท่งนั้นที่ 1.2847 หลังจากนั้น เราคำนวณระยะ Stop Loss ห่างจากจุดเข้า - 2 * ATR:

จุดเข้า = 1.2847

ATR= 0.0024

Stop Loss = 1.2847-0.0048=1.2799

หลังจากที่ราคาร่วงลงต่ำกว่า SMA-50 (เส้นสีเหลือง) เราจะปิดคำสั่งซื้อที่ 1.3250 เราได้กำไร 4030 จุด

8.png

กฏการเปิด short:

  1. ตรวจสอบเทรนด์ ในการเปิด short เราต้องเห็นราคาอยู่ใต้เส้น SMA-200
  2. รอให้ราคาทดสอบแนวต้านแบบไดนามิกระหว่างเส้น SMA-20 และ 50 สองครั้ง
  3. เปิดออเดอร์ที่ราคาปิดของแท่งเทียนขาลงถัดไปหลังการทดสอบ
  4. คำนวณ Stop Loss เป็น 2*ATR แล้วนำค่าที่ได้ไปบวกกับราคาที่คุณเข้า
  5. ปิดออเดอร์เมื่อราคาขึ้นไปเหนือ SMA-50

บนกราฟ H4 ของ EURUSD ราคาเคลื่อนไหวอยู่ใต้ SMA-200 (เส้นสีน้ำตาล) หลังจากที่ราคาแตะเส้น SMA-20 (เส้นสีแดง) เป็นครั้งที่สาม เราก็พิจารณาเปิด sell ที่ราคาปิดของแท่งเทียนขาลงที่ 1.5387 Stop Loss จะเท่ากับ 1.5387+2*0.00468=1.5481

หลังจากที่ราคาทะลุขึ้นไปเหนือ SMA-50 (เส้นสีเหลือง) เราจะปิดคำสั่งซื้อที่ 1.4841 เราได้กำไร 5460 จุด

9.png

สรุป

การเทรดตามเทรนด์เป็นแนวทางทั่วไปที่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีได้ จงตามเทรนด์ของตลาดและรู้วิธีขี่เทรนด์ที่ถูกต้อง แล้วคุณจะไม่ผิดหวัง ใครจะไปรู้ บางทีคุณอาจจะเป็นเศรษฐีผู้เทรดตามเทรนด์คนต่อไปก็ได้?

คล้ายกัน

กลยุทธ์การซื้อขายด้วยความไม่สมดุล
กลยุทธ์การซื้อขายด้วยความไม่สมดุล

บทความนี้จะแนะนำคุณเกี่ยวกับกลยุทธ์การซื้อขายที่ไม่ต้องใช้ปริมาณ ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค และรูปแบบราคา สิ่งที่คุณต้องทำคือให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของราคา ยินดีต้อนรับสู่บทเรียนเรื่องความไม่สมดุล

กลยุทธ์การเทรดด้วยโมเมนตัม
กลยุทธ์การเทรดด้วยโมเมนตัม

บทความนี้จะสำรวจกลยุทธ์การเทรดด้วย MACD + RSI และวิธีการนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อระบุโอกาสในการเปิดคำสั่งซื้อขายในตลาด Forex

คำถามที่พบบ่อย

  • จะเปิดบัญชี FBS ได้อย่างไร?

    คลิกปุ่ม ‘เปิดบัญชี’ บนเว็บไซต์ของเราแล้วไปที่ Personal area ก่อนที่คุณจะเริ่มทำการซื้อขายได้ คุณจะต้องผ่านการตรวจสอบโปรไฟล์, ยืนยันอีเมลและหมายเลขโทรศัพท์ของคุณ, และผ่านการยืนยัน ID ของคุณ ขั้นตอนนี้มีไว้เพื่อรับประกันความปลอดภัยของเงินทุนและตัวตนของคุณ เมื่อคุณตรวจสอบทั้งหมดเสร็จแล้วให้ไปที่แพลตฟอร์มการซื้อขายที่ต้องการแล้วเริ่มทำการซื้อขาย 

  • จะเริ่มเทรดอย่างไร?

    หากคุณอายุ 18 ปีขึ้นไปคุณสามารถเข้าร่วม FBS ได้และเริ่มต้นการเดินทาง FX ของคุณ ในการซื้อขายคุณจะต้องมีบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์และมีความรู้ที่เพียงพอเกี่ยวกับวิธีการทำงานของสินทรัพย์ในตลาดการเงิน เริ่มด้วยการศึกษาขั้นพื้นฐานด้วย สื่อการเรียนรู้ฟรี และ สร้างบัญชี FBS คุณอาจต้องการทดสอบสภาพแวดล้อมด้วยเงินเสมือนจริงผ่านบัญชีทดลอง เมื่อคุณพร้อมเข้าสู่ตลาดจริงแล้ว ก็เริ่มทำการซื้อขายเพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จ  

  • จะถอนเงินที่ทำได้กับ FBS ได้อย่างไร?

    ขั้นตอนนั้นตรงไปตรงมามาก ไปที่หน้า การถอนเงิน บนเว็บไซต์หรือส่วนการเงินของ FBS Personal area แล้วถอนเงิน คุณจะรับเงินที่ถอนผ่านระบบการชำระเงินเดียวกับที่คุณใช้ในการฝากเงิน ในกรณีที่คุณฝากเงินเข้าบัญชีด้วยวิธีการอื่น คุณต้องถอนกำไรของคุณผ่านวิธีเดียวกันในยอดเดียวกันกับจำนวนเงินที่ฝาก

ฝากเงินกับระบบการชำระเงินในประเทศของคุณ

ประกาศการเก็บรวบรวมข้อมูล

FBS เก็บรักษาข้อมูลของคุณไว้เพื่อใช้งานเว็บไซต์นี้ เมื่อกดปุ่ม "ยอมรับ" ถือว่าคุณยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเรา

โทรกลับ

ผู้จัดการของเราจะโทรหาคุณในเร็ว ๆ นี้

เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์

เราได้รับคำร้องของคุณแล้ว

ผู้จัดการของเราจะโทรหาคุณในเร็ว ๆ นี้

คำขอโทรกลับครั้งต่อไปสำหรับหมายเลขโทรศัพท์นี้
จะพร้อมใช้งานใน

หากคุณมีปัญหาเร่งด่วนโปรดติดต่อเราผ่านทาง
สนทนาออนไลน์

เกิดข้อผิดพลาดภายใน กรุณาลองใหม่อีกครั้งในภายหลัง

อย่ามัวเสียเวลา - ติดตามดูว่า NFP ส่งผลกระทบอย่างไร ต่อ USD แล้วทำกำไรเลยสิ!

คุณกำลังใช้เบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่ากว่านี้

อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดหรือลองใช้เพื่อการเทรดที่สะดวกสบายและมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น

Safari Chrome Firefox Opera