การแข่งขันในเงินดิจิทัล: ใครจะชนะ?

อ่านบทความบนเว็บไซต์ของ FBS

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศต่างๆ ต้องเผชิญกับความยุ่งยากมากมายจากสงครามการค้า ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ และความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นทั่วโลก ในระหว่างการประชุม Bretton Woods ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1944 ประเทศเศรษฐกิจหลักหลายแห่งต้องการควบคุมกระแสการเงินภายในประเทศในอนาคตและ “การแข่งขัน” ของสกุลเงินผ่านอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ที่ตรึงกับ USD ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจจัดตั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศที่ออกแบบมาเพื่อเชื่อมความไม่สมดุลของการชำระเงิน ระบบทั้งหมดมีพื้นฐานมาจากการที่ USD สามารถแลกเป็นทองคำได้ อย่างไรก็ตามผู้ที่มีชื่อเสียอย่าง Nixon Shock ก็ได้ยุติยุคของอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ระหว่าง USD และทองคำ ปัญหาหลักคือสหรัฐอเมริกาไม่มีทองคำเพียงพอที่จะรองรับการเกินดุลของ USD ส่งผลให้สหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะเงินฝืดอย่างรุนแรง สถานการณ์นี้เป็นปัจจัยกระตุ้นเสถียรภาพของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก ช่วงเวลาที่น่าตกใจครั้งที่สองในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่ยุติมาตรฐานทองคำในประเทศคือภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) ซึ่งเป็นการทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐลดลงเมื่อเทียบกับทองคำ

เศรษฐกิจยุโรปประสบปัญหามากมายกับสกุลเงินทั่วไป (Fiat currency) เช่นกันในช่วงศตวรรษที่ 20 ตัวอย่างเช่น ฮังการีมีกรณีที่เกิดภาวะเงินเฟ้อรุนแรงที่สุดกรณีหนึ่งในประวัติศาสตร์หลังสงครามโลกครั้งที่สอง เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศได้รับความเสียหายจากวิกฤตและการชดใช้ค่าเสียหายที่สูง ซึ่งเป็นผลให้อัตราเงินเฟ้อสูงสุดที่ 1.3 × 10^16 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน (ซึ่งหมายความว่าราคาจะเพิ่มเป็นสองเท่าทุกๆ 15 ชั่วโมง)

ภาวะเงินฝืดอย่างรุนแรง ภาวะเงินเฟ้อรุนแรง และความเสี่ยงทางเศรษฐกิจอื่นๆ ตั้งคำถามถึงอนาคตของสกุลเงินทั่วไป ด้วยยุคใหม่ของเทคโนโลยีดิจิทัล เงินดิจิทัลคือสิ่งที่ทุกคนพูดถึงในตอนนี้ เศรษฐกิจโลกกำลังมองหาวิธีการแลกเปลี่ยนเงินที่โปร่งใส ปลอดภัย และรวดเร็วยิ่งขึ้น รูปแบบการเงินดิจิทัลรูปแบบใหม่แพร่กระจายไปทั่วโลก ทำให้รัฐบาลกังวล และมอบโอกาสที่น่าดึงดูดแก่นักลงทุน แล้วอะไรที่น่าจะอยู่กับเราไปอีกนานและอะไรจะสลายหายไปเป็นฝุ่นผงในไม่ช้านี้?

เงินดิจิทัลคืออะไร?

อันดับแรก เรามาหาคำตอบกันก่อนว่าเงินดิจิทัลคืออะไร สกุลเงินดิจิทัลหรือเงินอิเล็กทรอนิกส์ หมายถึง เงินใดๆ ที่มีการจัดการ จัดเก็บ หรือแลกเปลี่ยนบนระบบดิจิทัลหรืออินเทอร์เน็ต สกุลเงินดิจิทัลมีสามประเภทหลักๆ ด้วยกัน: สกุลเงินคริปโต สกุลเงินเสมือน และสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง ซึ่งควรจำไว้ให้ดีว่าสกุลเงินเสมือนและสกุลเงินคริปโตทั้งหมดเป็นสกุลเงินดิจิทัล แต่สกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดไม่ได้เป็นสกุลเงินเสมือนหรือสกุลเงินคริปโต

สกุลเงินคริปโตเป็นเงินในรูปแบบใหม่

สกุลเงินคริปโตเป็นหนึ่งในเงินดิจิทัลที่มีชื่อเสียงที่สุดที่สร้างขึ้นจากกลไกการเข้ารหัสเพื่อเชื่อมต่อลายเซ็นดิจิทัลของธุรกรรมสินทรัพย์ เครือข่ายเพียร์ทูเพียร์ และการกระจายอำนาจ ในระบบบล็อกเชน (blockchain) นั้น จะใช้แผนพิสูจน์การทำงานหรือพิสูจน์การมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อสร้างและจัดการสกุลเงิน ปัจจัยหลักที่รวมสกุลเงินคริปโตไว้คือการกระจายอำนาจ

การประดิษฐ์คิดค้น Bitcoin โดย Satoshi Nakamoto ได้เปลี่ยนการมุมมองของเงินอย่างแท้จริง มันมีพารามิเตอร์หลักสามประการ

  1. ประการแรก มันเป็นของเอกชนเนื่องจากหน่วยงานของรัฐอย่างเป็นทางการไม่ได้เป็นผู้ออกเหรียญนี้
  2. มันเป็นการกระจายอำนาจ โดยหน่วยนี้ออกให้กับกลุ่มผู้ใช้ที่กระจายอำนาจ
  3. มันมีการรับประกันที่มั่นคงต่อต้านการปลอมแปลงซึ่งดำเนินการผ่านการผสมผสานระหว่างการเข้ารหัสและทฤษฎีเกม

เช่นเดียวกับเงินรูปแบบอื่น Bitcoin ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนและหน่วยของบัญชี สำหรับการจัดเก็บมูลค่าซึ่งเป็นอีกฟังก์ชันหนึ่งของเงินนั้นเป็นหัวข้อที่ค่อนข้างน่าสงสัย ในอีกด้านหนึ่ง Bitcoin เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ทางการเงินที่ดำเนินการได้ดีที่สุดในช่วงเวลาส่วนใหญ่ของทศวรรษที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกัน การเพิ่มขึ้นของราคา Bitcoin เมื่อเวลาผ่านไปนั้นมาพร้อมกับความผันผวนที่สำคัญและราคาที่ตกต่ำ ซึ่งบางส่วนก็กินเวลานานหลายปี

นอกเหนือจาก Bitcoin แล้ว ยังมีสกุลเงินคริปโตนับพันที่มีมูลค่าตลาดรวมมากกว่า $2.56T ค่าเหล่านี้ทั้งหมดมีค่าเท่ากัน: ไม่ได้ควบคุมหรือสนับสนุนโดยหน่วยงานกลาง (ธนาคาร) สร้างขึ้นโดยใช้บัญชีแยกประเภทแบบกระจาย และได้รับการเข้ารหัสด้วยรหัสคอมพิวเตอร์เฉพาะ (การเข้ารหัส)

แม้ว่าสกุลเงินคริปโตจะมีลักษณะเหมือนกัน แต่ก็ไม่เหมือนกันซะทีเดียว โดยทั่วไป การเข้ารหัสลับคริปโตทุกประเภทสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก คือ เหรียญ ซึ่งประกอบด้วย Bitcoin, Ethereum, Litecoin และโทเค็น (Tron, Vechain, Link) ในขณะที่เหรียญทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์ดั้งเดิมบนบล็อกเชนของมันเอง โทเค็นก็ถูกสร้างขึ้นบนบล็อกเชนที่มีอยู่ด้วยความช่วยเหลือของสมาร์ตคอนแทร็กต์ (smart contract)

ธนาคารกลางก้าวเข้าสู่ความเป็นดิจิทัล

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีบล็อกเชนและการเติบโตอย่างรวดเร็วของสกุลเงินดิจิทัลได้ผลักดันให้ธนาคารกลางดำเนินการ ตอนนี้รัฐบาลกำลังพยายามควบคุมตลาดคริปโต และกำลังมีส่วนร่วมในการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัล

สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางเป็นทางออกในอนาคตสำหรับธนาคารกลางในการดำเนินการทางการเงินที่โปร่งใส จากการวิจัยพบว่าอย่างน้อย 80 เปอร์เซ็นต์ของธนาคารกลางทั่วโลกกำลังมองหาการสร้างเงินรูปแบบใหม่ เหตุผลนั้นก็เรียบง่าย เพราะมันอาจทำให้การตัดสินใจด้านนโยบายการเงินง่ายขึ้น ขจัดความเสี่ยงจากบุคคลที่สาม และป้องกันกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของนวัตกรรมดังกล่าวนั้นก็ชัดเจน คือ การที่มันไม่สามารถแก้ปัญหาการรวมศูนย์ได้ น่าแปลกที่ธนาคารกลางแห่งแรกที่ผลักดันสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (Central Bank Digital Currency: CBDC) ให้ดำเนินการคือธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีน ซึ่งเปิดตัวสกุลเงินหยวนจีนเวอร์ชันเสมือนจริงในหลายจังหวัด แม้ว่าหน่วยงานกำกับดูแลจะทำเพื่อวัตถุประสงค์ภายในประเทศ แต่กรณีดังกล่าวทำให้ประเทศอื่นๆ เกิดความกังวล โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ทางการสหรัฐฯ เชื่อว่าเงินหยวนดิจิทัลเป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจโลกที่ท้าทายอำนาจของเงินดอลลาร์สหรัฐและส่งผลกระทบต่อการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม สำหรับตอนนี้ เงินหยวนจีนยังห่างไกลจากการท้าทายผลประโยชน์นโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ

 สำหรับธนาคารกลางอื่นๆ เช่น ธนาคารอังกฤษหรือธนาคารกลางยุโรป การพัฒนา CBDC ของพวกเขาดูเหมือนยังเป็นเหมือนโปรเจกต์หนึ่งมากกว่าที่จะเกิดขึ้นจริงในตอนนี้ แต่แน่นอนว่าหากในที่สุดแล้วพวกเขาใช้สกุลเงินดิจิทัลอย่างแพร่หลาย มันก็จะเปลี่ยนแปลงการเงินของโลก  

ความท้าทายในโลกของเงินดิจิทัล

ดังที่คุณสังเกตเห็นได้ในย่อหน้าข้างต้น ระบบการเงินในประเทศต่างๆ กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ โดยที่บทบาทก่อนหน้าในการแลกเปลี่ยนเงินนั้นเป็นของเงินรูปแบบดิจิทัล ด้านหนึ่งเรามีเงินที่ออกโดยธนาคารกลาง พวกมันถูกรวมศูนย์ พวกเขาจัดเก็บข้อมูลในฐานข้อมูลซึ่งรัฐบาลสามารถควบคุมได้ แต่ในทางกลับกัน ก็มีเครือข่ายกระจายอำนาจที่มีสกุลเงินดิจิทัลที่แตกต่างกันในระบบของพวกเขา พวกมันรวดเร็ว ได้รับการคุ้มครองจากกลไกการเข้ารหัส และมีกุญแจส่วนตัวที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะซึ่งทำให้คุณเป็นเจ้าของสกุลเงินนี้

เนื่องจากรัฐบาลกำลังดำเนินการในการที่จะให้การยอมรับสกุลเงินคริปโต สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและความไม่สมบูรณ์ของกฎหมายนั้นทำให้คริปโตดูเหมือนกับเป็นอะไรที่ "สนุกๆ และเกม" สำหรับคนทั่วไปมากกว่าที่จะเป็นการลงทุนที่จริงจัง อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างถูกกำหนดให้เปลี่ยนไป ยิ่งผู้คนและธุรกิจยอมรับสกุลเงินดิจิทัลเป็นร้านค้าที่มีมูลค่าและเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน โลกก็จะปรับตัวเข้ากับพวกมันได้เร็วขึ้น ในบรรดาตัวอย่างที่ดีของการเปลี่ยนแปลงนี้ เราสามารถพูดถึง PayPal ได้ โดย Paypal นั้นสามารถจัดเก็บและใช้คริปโตในกระเป๋าเงินได้

คุณก็สามารถเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่ชื่นชมอนาคตกับ FBS ได้เช่นกัน เนื่องจากคุณสามารถเทรดสกุลเงินคริปโต และสามารถถอนและฝากมันได้ใน Personal Area ของคุณ

FBS Analyst Team

แบ่งปันกับเพื่อน:

คล้ายกัน

เปิดทันที

FBS เก็บรักษาข้อมูลของคุณไว้เพื่อใช้งานเว็บไซต์นี้ เมื่อกดปุ่ม "ยอมรับ" ถือว่าคุณยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเรา