อิทธิพลของสกุลเงินดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินสำรองของโลกกำลังค่อย ๆ ลดลง เป็นไปได้ไหมที่สกุลเงินยูโรจะเข้ามาแทนที่? เราก็ยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก
เงินยูโรจะร่วงต่ำกว่าระดับดุลยภาพต่อไปหรือไม่?
อัปเดทแล้ว • 2022-07-18
EURUSD ได้ไปแตะระดับดุลยภาพที่ 1.0000 และร่วงลงต่ำกว่าระดับนั้น เพราะอะไรนี้เรื่องถึงได้มีประเด็นที่ต้องพูดถึงเยอะ? ประเด็นแรกเลยคือ ค่าเงินยูโรที่ลดลงต่ำกว่าระดับ $1 นั้นเกิดขึ้นได้ยาก ดุลยภาพของสกุลเงินยูโรและดอลลาร์สหรัฐหมายความว่าอย่างไร? มันหมายความว่าสกุลเงินของยุโรปและสกุลเงินของสหรัฐอเมริกามีค่าเท่ากัน หนึ่งยูโรมีค่าเท่ากับหนึ่งดอลลาร์
ทำไมดุลยภาพของเงินยูโรกับดอลลาร์ถึงเป็นเรื่องใหญ่?
นับตั้งแต่สกุลเงินเพียงหนึ่งเดียวของยุโรปได้ถือกำเนิดขึ้นในปี 1999 สกุลเงินยูโรได้ร่วงลงต่ำกว่าดุลยภาพของดอลลาร์สหรัฐเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างปี 1999 ถึง 2002 เมื่อเงินยูโรร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ $0.82 ในเดือนตุลาคม ปี 2000 ในช่วงประวัติศาสตร์ที่ค่อนข้างสั้นประมาณ 20 ปีของสกุลเงินยูโร เงินยูโรเป็นสกุลเงินสำรองที่ใช้กันอย่างแพร่หลายเป็นอันดับสองในทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ รองจากดอลลาร์สหรัฐ
อะไรคือสิ่งที่ทำให้สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลง?
1. ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในรอบ 40 ปี ซึ่งสูงถึง 9.1% สิ่งนี้ช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดใจและความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์ นอกเหนือจากความกลัวภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น ซึ่งผลักดันให้ตลาดไปหาดอลลาร์สหรัฐเนื่องจากเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
2. ECB ไม่ได้ปฏิบัติตาม Fed ที่ตัดสินใจกระชับนโยบาย ธนาคารกลางยุโรปคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 21 กรกฎาคม อย่างไรก็ตาม มันก็ยังไม่เร็วพอที่จะก้าวไปให้ทันกับอัตราเร็วของ Fed ซึ่งกำลังพิจารณาที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 75 จุดหรือ 100 จุดเต็มๆ (1%) ในการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 28 กรกฎาคม
3. ความกลัวที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ว่าราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะทำให้ยูโรโซนเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ง่ายมากขึ้น นั่นอธิบายได้ว่าทำไมเงินยูโรถึงได้รับผลกระทบอย่างหนักในตอนนี้ ธนาคารระดับโลกบางแห่งคาดว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะถดถอยในไตรมาสที่สามของปีนี้
4. ราคาพลังงานสูงและอัตราเงินเฟ้อสูงสุดในประวัติศาสตร์ยูโรโซน ราคาพลังงานในยุโรปสูงขึ้นเนื่องจากสงครามในยูเครน การสูญเสียน้ำมันของรัสเซียไปจากตลาดโลก และรัสเซียตัดการจ่ายก๊าซไปยังยุโรป ยุโรปพึ่งพาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของรัสเซียมากกว่าของสหรัฐฯ ในการรักษากำลังการผลิต, อุตสาหกรรม และการผลิตไฟฟ้า ซึ่งส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนทำสถิติสูงสุดที่ 8.6% ในเดือนมิถุนายน ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ค่าอาหารไปจนถึงค่าไฟฟ้าและค่าสาธารณูปโภคแพงขึ้น ในขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง
5. เศรษฐกิจของสหรัฐฯ แข็งแกร่งกว่าเศรษฐกิจของยุโรป สหรัฐฯ อยู่บนเส้นทางสู่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้เร็วกว่ายูโรโซนซึ่งใกล้จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย
สกุลเงินยูโรไม่ได้เป็นเพียงสกุลเดียวที่ได้รับผลกระทบจากดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น แต่ทุกอย่างอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในปีนี้ เงินปอนด์อังกฤษและเยนญี่ปุ่นอ่อนค่าลงอย่างมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไรสำหรับ ECB?
ค่าเงินยูโรที่ร่วงลงในปัจจุบันเป็นที่น่าปวดหัวและเป็นความท้าทายที่น่ากลัวสำหรับธนาคารกลางยุโรป เนื่องจากค่าเงินยูโรนั้นอ่อนค่าลงไม่เพียงแต่เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น แต่ยังอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ เช่น ฟรังก์สวิสและเยนญี่ปุ่นอีกด้วย
การอ่อนค่าของสกุลเงินยูโรอย่างต่อเนื่องจะผลักดันอัตราเงินเฟ้อที่สูงอยู่แล้วให้สูงขึ้นไปอีก เพิ่มความเสี่ยงที่ราคาจะพุ่งไปสู่เหนือเป้าหมาย 2% ของ ECB โดยมันจำเป็นต้องมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วมากกว่าเดิมเพื่อหยุดเงินยูโรไม่ให้อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจเพิ่มความลำบากในยุโรปซึ่งกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจจะเกิดขึ้น
หากยุโรปเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยเฉพาะประเทศเยอรมนี สิ่งนี้อาจหยุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ECB เอาไว้ เนื่องจากมันจะทำให้สถานการณ์แย่ลง ในระหว่างนี้ ค่าเงินดอลลาร์และเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะแข็งแกร่งขึ้น ทำให้ช่องว่างระหว่าง USD และ EUR กว้างมากขึ้นอีก
เงินยูโรจะร่วงต่ำกว่าระดับดุลยภาพต่อไปหรือไม่?
น่าเสียดายที่การอ่อนค่าของ EUR เมื่อเทียบกับ USD นั้นคาดว่าจะดำเนินต่อไป โดยมันอาจร่วงลงไปที่ $0.97-0.95 ในระยะเวลาอันใกล้นี้ สกุลเงินยูโรจะยังคงซบเซาเช่นนี้เนื่องจากวิกฤตพลังงานของยุโรปที่เลวร้ายลง แม้ว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ Fed ก็ปรับขึ้นเร็วกว่าและดุดันมากกว่า
คล้ายกัน
เมื่อวันศุกร์ที่ 10 มีนาคม ธนาคารขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 16 ของสหรัฐฯ ล้มอย่างกะทันหัน การล้มละลายในครั้งนี้ถือเป็นการล้มละลายที่ใหญ่เป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ของธนาคารพาณิชย์ของอเมริกัน ในบทความนี้ เราจะมาดูสิ่งที่เกิดขึ้นและผลกระทบที่อาจเกิดกับเราทุกคนกัน
ตลาดหุ้นมักจะถูกมองว่าเป็นตัวบ่งชี้ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น เทรดเดอร์หลายคนจึงมองดัชนีว่าเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญของสิ่งที่คาดหวังจากเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทั่วโลก
ข่าวล่าสุด
ก่อนหน้านี้ เรามีการประเมินว่าให้รอเข้าเทรด SELL XAUUSD ที่ระดับ 2,180 ดอลลาร์ โดยสามารถตั้งจุด TP ได้ที่บริเวณ 2,130 ดอลลาร์ และตั้งจุด SL
ก่อนหน้านี้ เรามีการประเมินว่า ให้รอเข้าเทรด BUY NASDAQ (US500) ที่ระดับ 17,200 จุด โดยสามารถตั้งจุด TP ได้ที่บริเวณ 19,300 จุด และตั้งจุด SL
ก่อนหน้านี้ เรามีการประเมินว่า ให้รอเข้าเทรด BUY S&P 500 (US500) ที่ระดับ 4,850 จุด โดยสามารถตั้งจุด TP ได้ที่บริเวณ 5,200 จุด