Coinbase (#COIN) มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 773 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 1 ปี 2024 โดยเพิ่มขึ้น 23% จากไตรมาสก่อนและเกินความคาดหวังของนักวิเคราะห์
เมื่อไหร่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะถึงจุดต่ำสุด?
อัปเดทแล้ว • 2022-12-29
เศรษฐกิจอยู่ในภาวะถดถอย ประสบภาวะเงินเฟ้อสูง และอัตราดอกเบี้ยสูง มันทำให้เงินเดือนนั้นมีมูลค่าน้อยลง ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอ่อนแอลง และอาจนำไปสู่การเลิกจ้างบริษัทต่างๆ ด้วยความตึงเครียดเหล่านี้ หุ้นจึงร่วงลงสู่ตลาดหมี
หุ้นสหรัฐฯ ได้มีช่วงครึ่งปีแรกที่แย่ที่สุดในรอบกว่า 50 ปี เนื่องมาจากความพยายามของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในการควบคุมเงินเฟ้อและความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก แล้วหุ้นสหรัฐฯ จะเป็นอย่างไรต่อไปล่ะ? หุ้นเหล่านั้นจะสามารถฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2022 ได้หรือไม่?
S&P 500 ผ่านช่วงครึ่งแรกของปี 2022 ด้วยตัวเลขที่ไม่ดีนัก โดยร่วงลงมากกว่า 20.6% Wall Street ไม่เคยเห็นการเริ่มต้นที่รุนแรงเช่นนี้มาก่อนนับตั้งแต่ปี 1970 เมื่อหุ้นต่างๆ เห็นการเทขายออกอย่างแข็งแกร่งในภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่สิ้นสุดระยะเวลาการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาจนถึงตอนนี้
Nasdaq Composite ที่เน้นด้านเทคโนโลยีได้สูญเสียไปแล้วเกือบ 30% ตั้งแต่ปี 2022 หุ้นสหรัฐฯ ที่ร่วงลงอย่างรวดเร็วได้กวาดล้างมูลค่าตลาดไปแล้วกว่า 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่สิ้นปี 2021 ตามข้อมูลของ Bloomberg สำหรับดัชนี S&P 500
เหตุใดหุ้นสหรัฐฯ จึงเข้าสู่ตลาดหมี?
1. ปีนี้อัตราเงินเฟ้อถือเป็นประเด็นสำคัญ และผลกระทบที่รุนแรงของเงินเฟ้อได้ส่งผลกระทบต่อทุกสิ่งทุกอย่าง
2. Fed ดื้อดึงและตอบสนองต่ออัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นช้าเกินไป แม้ว่าจะมีสัญญาณต่างๆ มาตั้งแต่แรกว่าราคาที่สูงขึ้นนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวและจะคงอยู่ต่อไป
3. ขณะนี้อารมณ์ที่มืดทะมึนและบรรยากาศเชิงลบกำลังครอบงำตลาด โดยมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐอเมริกาและยุโรป
4. การที่ธนาคารกลางไม่สามารถกระชับนโยบายและปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่เหมาะสม และความล้มเหลวในการควบคุมเงินเฟ้อได้ ซึ่งนั่นเป็นหน้าที่ของธนาคารกลางในการดำเนินการนโยบายการเงินเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ
5. การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายๆ ครั้งนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนทำให้ตลาดสับสนอย่างมาก
6. การที่ Fed ยืนกรานที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่อาจจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็ตาม
ตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไรในช่วงครึ่งหลังของปี 2022?
หุ้นได้เผชิญปัญหาตั้งแต่ตกลงมาสู่ตลาดหมีในเดือนมิถุนายน จากสถิติในอดีตแสดงให้เห็นว่าการร่วงลงอย่างรวดเร็วของตลาดในปีนี้อาจเป็นสัญญาณเชิงบวก โดยหุ้นเตรียมพร้อมที่จะดีดตัวขึ้น หากเศรษฐกิจหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวหรือภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรงได้
ข่าวดีก็คือตลาดกระทิงล่าสุดนั้นใช้เวลาเพียง161 วัน ในการเปลี่ยนจากที่ระดับสูงสุดแล้วร่วงลงมา 20% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 245 วันในตลาดหมีครั้งก่อนหน้า
หาก Fed หลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยเหมือนในวิกฤตฟองสบู่ดอทคอม (2000-2002) และวิกฤตโลก (2008-2009) ได้ ตลาดหมีนี้อาจถึงจุดต่ำสุดในไม่ช้า ตลาดหมีนี้จะจบลงอย่างไรขึ้นอยู่กับอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง ซึ่งจะกำหนดระยะเวลาว่า Fed จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกนานเท่าไรและจะหยุดลงเมื่อใด
แนวโน้มของดัชนี S&P 500 เป็นอย่างไรบ้าง?
หาก Fed ควบคุมอัตราเงินเฟ้อในเดือนต่อๆ ไปนับจากนี้ได้ ตลาดจะทรงตัวและสงบลง หาก Fed ทำไม่สำเร็จ ตลาดหมีนี้จะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
ด้วยสถานการณ์การชะลออัตราเงินเฟ้อและฤดูแห่งผลประกอบการที่มั่นคง เราคาดว่า S&P 500 จะส่งท้ายปีที่ระดับ 3,900-4,200 หากผลกำไรของบริษัทลดลงในอีกสองไตรมาสข้างหน้าและเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย ดัชนี S&P 500 อาจลดลงต่ำกว่า 3,300
คล้ายกัน
Amazon มีการขายยาคุมกำเนิดฉุกเฉินอย่างจำกัด เนื่องจากความต้องการเพิ่มขึ้นตามคำตัดสินของศาลฎีกาสหรัฐ...
Powell ต้องการชะลออัตราเงินเฟ้อเช่นเดียวกับที่ Greenspan ได้ทำในปี 1994 แต่ดูเหมือนว่าเขาจะทำอย่างนั้นไม่ได้
ข่าวล่าสุด
ก่อนหน้านี้ เรามีการประเมินว่าให้รอเข้าเทรด SELL XAUUSD ที่ระดับ 2,180 ดอลลาร์ โดยสามารถตั้งจุด TP ได้ที่บริเวณ 2,130 ดอลลาร์ และตั้งจุด SL
ก่อนหน้านี้ เรามีการประเมินว่า ให้รอเข้าเทรด BUY NASDAQ (US500) ที่ระดับ 17,200 จุด โดยสามารถตั้งจุด TP ได้ที่บริเวณ 19,300 จุด และตั้งจุด SL
ก่อนหน้านี้ เรามีการประเมินว่า ให้รอเข้าเทรด BUY S&P 500 (US500) ที่ระดับ 4,850 จุด โดยสามารถตั้งจุด TP ได้ที่บริเวณ 5,200 จุด