ผลลัพธ์ที่น่าตกใจของรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3

ผลลัพธ์ที่น่าตกใจของรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3

อัปเดทแล้ว • 2022-11-17

ไม่ว่าคุณจะรักการเทรดหุ้นหรือไม่ก็ตาม ฤดูแห่งผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ได้เขย่าตลาดการเงินทั่วโลกและไม่ควรที่จะปล่อยผ่านโดยปราศจากการวิเคราะห์ย้อนหลังที่เหมาะสม ธุรกิจในภาคส่วนใดทำงานที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา? บริษัทใดบ้างที่ใกล้จะล้มละลาย? และที่สำคัญที่สุด เราควรรอ “Santa Claus rally” หรือไม่? ในบทความนี้ นักวิเคราะห์ของ FBS จะให้คำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้ทั้งหมด

สรุปรายงานผลประกอบการ

ก่อนที่ฤดูแห่งผลประกอบการไตรมาสที่ 3 จะเริ่มต้นขึ้น โลกได้เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย เร่งตัวขึ้นด้วยการตัวเลขข้อมูลเศรษฐกิจใหม่ๆ และแถลงการณ์ของธนาคารกลาง ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยืนกรานที่จะกระชับนโยบายการเงินเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อที่สูงมากลงจนข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งในเดือนกันยายนและตุลาคมแสดงสัญญาณของขาลงสำหรับหุ้น แม้จะมีการใช้มาตรการที่ดุดัน แต่อัตราเงินเฟ้อก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสูงเกินกว่าที่คนส่วนใหญ่คิดกันในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ประกอบกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโดยรวม และคุณจะได้พบกับอนาคตที่น่ากลัวของเหล่าบริษัทน้อยใหญ่ในตลาด

เห็นได้ชัดว่าความคาดหวังในแง่ลบจากบริษัทต่างๆ ทำให้เกิดผลลัพธ์จริงที่ต่ำที่ทำให้นักลงทุนประหลาดใจ เมื่อฤดูแห่งผลประกอบการของบริษัทส่วนมากได้สิ้นสุดลง เราจึงมั่นใจได้ว่านี่เป็นหนึ่งในฤดูที่ดีที่สุดในช่วงสองปีที่ผ่านมา รูปภาพด้านล่างแสดงผลกำรดำเนินงานของ S&P500 ในวันที่มีการรายงานผลประกอบการ

ท่ามกลางภาคส่วนที่กำลังเติบโต ได้แก่ วัฏจักรของผู้บริโภค (Tesla, Amazon, Nike และ Home Depot) เทคโนโลยี (Apple, Microsoft, Nvidia, AMD) และบริการด้านการสื่อสาร (Alphabet, Netflix, Meta) หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ทำผลงานออกมาได้ดีหลังจากที่มีรายงานดังคาด เพราะหุ้นเกือบทุกตัวร่วงลง 20-50% ก่อนที่ตัวเลขจริงจะออกมา เห็นได้ชัดว่า บริษัทที่มีขนาดเล็กมีการเติบโตมากขึ้น

imgonline-com-ua-Resize-7IfTNSPCn1prOBNC.jpg

Source: https://finviz.com/

เกิดอะไรขึ้นกับบริษัทอื่นๆ?

คุณน่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับการเลิกจ้างครั้งใหญ่ของบริษัทเทคโนโลยีขนาดยักษ์ Meta เป็นหนึ่งในบริษัทที่เลิกจ้างเยอะที่สุด โดยมีพนักงานกว่า 11,000 คนถูกไล่ออกในวันที่ 9 พฤศจิกายน การลดลงของรายได้ไม่ได้ชะลอตัวลงในไตรมาสที่ 3 ปี 2022 และ Mark Zuckerberg ซึ่งเป็น CEO ของบริษัทกล่าวว่า Meta อาจประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่กว่าเดิมในการเข้าสู่ Web3 และ Metaverse ณ วันที่ 15 พฤศจิกายน บริษัทสูญเสีย 76.5% ของเงินทุน

imgonline-com-ua-Resize-9maxG0FWzrmIa.jpg

นอกเหนือจาก Meta แล้ว เดือนพฤศจิกายนก็ได้กลายเป็นเดือนที่เลวร้ายที่สุดสำหรับพนักงานของบริษัทเทคโนโลยีขนาดยักษ์ โดยมีการไล่ออกไปแล้วกว่า 36,000 คน และเดือนนี้ก็ยังไม่สิ้นสุดลง หลังจากที่ Elon Musk กลายเป็น CEO ของ Twitter และบริษัทถูกเพิกถอนจาก NYSE บริษัทก็สูญเสียพนักงานไป 50 ถึง 80% โดย Elon Musk แจ้งว่า “การล้มละลายเป็นตัวเลือกในกรณีร้ายแรงที่สุด”

นับตั้งแต่ต้นปี 2022 มีคนถูกไล่ออกแล้วกว่า 200,000 คน และจะเพิ่มมากขึ้นอีกเมื่อเศรษฐกิจชะลอตัวและบริษัทต่างๆ เปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานของพวกเขาเป็นแบบต่อต้านวิกฤต

imgonline-com-ua-Resize-a1dCDVA4QkQSdLZy.jpg

Source: https://www.trueup.io/layoffs

หุ้นสหรัฐฯ จะพุ่งขึ้นเมื่อไหร่?

แล้วอย่างน้อยเรามีปัจจัยที่เป็นบวกที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของ New Year rally ในตลาดไหม? คำตอบสำหรับคำถามนี้คือมีสิ ประการแรกเลย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ นั้นออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ การเติบโตของราคาที่ชะลอตัวอาจส่งสัญญาณให้ Fed หยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ย 75 bps ในทุกๆ ครั้ง วิกฤตพลังงานในทศวรรษ 1970 สอนเราว่า มันไม่มีที่จะออกจากวงกตเงินเฟ้อไปได้ง่ายๆ และเราอาจได้เห็นราคาที่สูงขึ้นระลอกใหม่ อย่างไรก็ตาม ตลาดอาจผ่อนคลายลงบ้างในช่วง 2-6 เดือนข้างหน้า

นอกเหนือจากนั้น เราก็มีบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เลิกจ้างพนักงาน ตลาดโลกถดถอย และอัตราเงินเฟ้อยังคงสูง และนั่นก็ยอดเยี่ยมมาก!

ใช่ เยี่ยมมาก มันไม่มีอะไรผิดพลาดในเรื่องนั้นเลย ในขณะที่ SP500 ร่วงลง อัตราส่วนของ CBOE Put/Call ก็เพิ่มขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้คนมองว่าตลาดเป็นขาลงและมีแนวโน้มที่จะวางเดิมพันว่าตลาดจะร่วงลงต่อไป โดยสรุปก็คือ ตลาดตกต่ำมากจนเหตุการณ์เชิงบวกหลายๆ เหตุการณ์อาจทำให้ตลาดพุ่งสูงขึ้นได้

imgonline-com-ua-Resize-Cf0H1nDEhaSs3fx.jpg

ณ ตอนนี้ เรามีเหตุผลหลักสามประการซึ่งเป็นสิ่งทำให้ตลาดเป็นขาลง แต่ละประการสามารถคลี่คลายและทำให้จุดจบของตลาดหมีใกล้เข้ามาได้

  • อัตราเงินเฟ้อที่สูงเป็นประวัติการณ์อาจลดลงในปี 2023
  • ความขัดแย้งในยูเครนอาจชะลอตัวลงหากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ผ่อนคลายลง พรรครีพับลิกันที่ได้รับเสียงข้างมากในการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ อาจช่วยได้เช่นกัน
  • นโยบายปลอดโควิดในจีนที่สั่นคลอนราคาน้ำมันและความสมดุลของอุปสงค์/อุปทานทั่วโลก

สิ่งสำคัญที่สุดคือ ปัจจัยบางส่วนข้างต้นเริ่มคลี่คลายแล้ว ทำให้ New Year's rally มีความเป็นไปได้มากขึ้น แม้ว่าแนวโน้มด้านปัจจัยพื้นฐานของบริษัทส่วนใหญ่จะไม่เปลี่ยนแปลงเร็วขนาดนั้นก็ตาม

สรุป

จากข้อควรพิจารณาที่อธิบายไว้ข้างต้น มีหลายเหตุผลที่ควรจับตาดูแผนภูมิของ S&P 500 (US500) และแผนภูมิหุ้นของบริษัทต่างๆ เพื่อหาจุดเข้าที่ดี โปรดจำไว้ว่าด้วย FBS คุณสามารถวางคำสั่งซื้อและขายตราสารเหล่านี้ได้

เทรดเดี๋ยวนี้

คล้ายกัน

ข่าวล่าสุด

NASDAQ มีโอกาสลงต่อได้ ถ้าราคาสามารถเคลื่อนที่ลงไปถึง 17,700 จุด ได้
NASDAQ มีโอกาสลงต่อได้ ถ้าราคาสามารถเคลื่อนที่ลงไปถึง 17,700 จุด ได้

ก่อนหน้านี้ เรามีการประเมินว่า ให้รอเข้าเทรด BUY NASDAQ (US500) ที่ระดับ 17,200 จุด โดยสามารถตั้งจุด TP ได้ที่บริเวณ 19,300 จุด และตั้งจุด SL

ฝากเงินกับระบบการชำระเงินในประเทศของคุณ

ประกาศการเก็บรวบรวมข้อมูล

FBS เก็บรักษาข้อมูลของคุณไว้เพื่อใช้งานเว็บไซต์นี้ เมื่อกดปุ่ม "ยอมรับ" ถือว่าคุณยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว ของเรา

โทรกลับ

ผู้จัดการของเราจะโทรหาคุณในเร็ว ๆ นี้

เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์

เราได้รับคำร้องของคุณแล้ว

ผู้จัดการของเราจะโทรหาคุณในเร็ว ๆ นี้

คำขอโทรกลับครั้งต่อไปสำหรับหมายเลขโทรศัพท์นี้
จะพร้อมใช้งานใน

หากคุณมีปัญหาเร่งด่วนโปรดติดต่อเราผ่านทาง
สนทนาออนไลน์

เกิดข้อผิดพลาดภายใน กรุณาลองใหม่อีกครั้งในภายหลัง

อย่ามัวเสียเวลา - ติดตามดูว่า NFP ส่งผลกระทบอย่างไร ต่อ USD แล้วทำกำไรเลยสิ!

คุณกำลังใช้เบราว์เซอร์เวอร์ชันเก่ากว่านี้

อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดหรือลองใช้เพื่อการเทรดที่สะดวกสบายและมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น

Safari Chrome Firefox Opera