ฤดูกาลแห่งเหรียญ Altcoin อยู่ใกล้แค่เอื้อม
ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ปี 2022 Bitcoin ได้พุ่งขึ้นไปประมาณ 80% ของมูลค่าตามราคาตลาด แตะที่ระดับ $28,000 การเคลื่อนไหวส่วนใหญ่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 10 มีนาคม เมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศว่าจะอัดฉีดสภาพคล่องเข้าไปเพิ่มอีกเพื่อรักษาระบบธนาคารของประเทศไว้ หากคุณพลาดการเคลื่อนไหวสุดทึ่งนี้ไป ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับมัน แม้ Bitcoin จะพุ่งขึ้น แต่ Altcoin จำนวนมากยังคงร่วงต่ำกว่าระดับสูงสุดตลอดกาลของตนเองกว่า 90% ทำให้เทรดเดอร์และนักลงทุนมีโอกาสที่ดีในสัปดาห์ต่อ ๆ ไป
บทความนี้จะอธิบายถึงสาเหตุของการพุ่งขึ้นของ Bitcoin และเหตุผลที่จะสนับสนุนการพุ่งขึ้นของ Altcoin
Bitcoin vs. สกุลเงินทั่วไป
ถึงแม้ว่าตัวตนที่แท้จริงของ Nakamoto จะยังคงเป็นปริศนา แต่เป้าหมายของเขานั้นชัดเจน เขาสร้างสกุลเงินดิจิทัลขึ้นมาเพื่อดึงอำนาจในการควบคุมทางการเงินกลับมาจากกลุ่มชนชั้นสูงทางการเงิน ทำให้เหล่าสามัญชนคนธรรมดามีโอกาสที่จะมีส่วนร่วมในระบบการเงินแบบกระจายอำนาจ (decentralized) ยิ่งไปกว่านั้น Bitcoin ถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองต่อวิกฤตการเงินครั้งใหญ่ในปี 2008 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้แต่ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ล้มได้ โดยเน้นให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบการเงินสมัยใหม่ และเรียกร้องให้มีการกระจายอำนาจในการทำธุรกรรมทางการเงิน
สิบห้าปีต่อมา ระบบธนาคารได้ล้มเหลวอีกครั้ง ธนาคารใหญ่ ๆ เช่น Credit Suisse, Silvergate Bank และ Silicon Valley Bank ได้ทำผิดพลาดร้ายแรงซึ่งนำไปสู่การล้มละลาย ยิ่งไปกว่านั้น นักวิเคราะห์ได้คำนวณว่าธนาคารสหรัฐฯ อีก 186 แห่งอาจประสบปัญหาคล้าย ๆ กันนี้ในไม่ช้า
สิบห้าปีเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างสั้นในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ และหลายคนก็ประสบปัญหากับภาคการธนาคารเป็นครั้งที่สองในอาชีพการลงทุน ซึ่งถ้าเกิดเหตุบางอย่างขึ้นเพียงครั้งเดียวอาจถือได้ว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่ถ้ามีครั้งที่สองตามมาละก็น่าจะเป็นที่ระบบแล้ว โชคดีที่ตอนนี้ไม่เหมือนกับวิกฤตในปี 2008 ผู้คนมีทางเลือกที่ยอดเยี่ยมแทนการฝากธนาคาร นั่นคือ สกุลเงินดิจิทัล
โดยจะสังเกตได้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ และกระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกาให้สัญญาว่าจะป้องกันการล่มสลายของธนาคารอื่น ๆ แต่เราทุกคนรู้ดีว่าพวกเขาใช้วิธีไหนในการจัดการ ใช่แล้ว พวกเขาพิมพ์สกุลเงินทั่วไปหรือสกุลเงินเฟียต (Fiat currency) ออกมายังไงล่ะ ในครั้งก่อน ๆ มันสามารถใช้วิธีนี้ได้ แต่สถานการณ์ในตอนนี้แตกต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ อยู่ที่ 6% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของ Fed ถึง 4% นอกจากนี้ ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อลดลงอย่างมากในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ในขณะที่ตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง
ซึ่งมันควรค่าแก่การจดจำให้ขึ้นใจว่า ณ เดือนธันวาคม ปี 2022 หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ อยู่ที่ 123% ของ GDP ในปี 2022 มีการใช้จ่ายเงิน 475 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในการชำระดอกเบี้ยหนี้ภาครัฐของสหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็น 8% ของค่าใช้จ่ายทั้งหมดของรัฐบาล ในอนาคตอันใกล้ รัฐบาลสหรัฐฯ จะต้องจ่ายดอกเบี้ยมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (มากกว่าใช้เพื่อการป้องกันประเทศเสียอีก) นอกจากนี้ การชำระเงินนี้ภายในปี 2032 อาจสูงถึง 1.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีภายใต้สถานการณ์บางอย่าง ในกรณีที่ดีที่สุด แม้ว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วและอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง ภายในปี 2030 งบประมาณกว่า 12.5% ของสหรัฐอเมริกาจะถูกใช้ไปกับการจ่ายดอกเบี้ย ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดก็ประมาณ 18-20%
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว การอุ้มธนาคารด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าไปเพิ่มอาจเป็นการหลอกลวงเศรษฐกิจสหรัฐฯ อัตราเงินเฟ้ออาจสูงถึงเลขสองหลัก และหากต้องการเอาชนะเงินเฟ้อให้ได้ การเพิ่มอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นอีกก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ ในขณะเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยที่สูงเป็นสาเหตุหลักของการล่มสลายของธนาคาร มาตรการที่รัฐบาลสหรัฐฯ ดำเนินอยู่ในขณะนี้เป็นเพียงการเลื่อนสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ออกไปเพียงชั่วคราว แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างถาวร
ด้วยช่องโหว่ดังกล่าวของระบบการเงินเฟียตทั้งหมด ทองคำและ Bitcoin จึงเป็นสินทรัพย์ที่จะช่วยให้นักลงทุนปกป้องเงินทุนของพวกเขาได้ และอย่างที่เราเห็น หลายคนได้เดิมพันกับสินทรัพย์เหล่านี้แล้ว อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นทั่วโลกก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลง
Altcoins จะครองตลาดในระยะกลาง
บ่อยครั้งที่การเพิ่มขึ้นของราคา Altcoin ต่าง ๆ ช้ากว่า Bitcoin สิ่งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับ Bitcoin เป็นอย่างมาก และเมื่อมีข่าวบางอย่างเข้าสู่ตลาด สิ่งแรกที่พวกเขาทำคือปั๊มเงินจำนวนมากเข้าไปใน BTCUSD อย่างไรก็ตาม เมื่อราคาสูงขึ้น นักลงทุนเทขายทำกำไรและโอนเงินที่ได้ไปยังคริปโตอื่น ๆ
ในขณะนี้ เป็นฤดูกาลของ Bitcoin ในตลาด หมายความว่ามูลค่าของ Bitcoin นั้นเติบโตเร็วกว่าสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น ตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม ปี 2023 Bitcoin เพิ่มขึ้น 45% ในขณะที่ Ethereum เพิ่มขึ้นเพียง 31% เช่นเดียวกับตัวบ่งชี้อื่น ๆ อย่าง Altcoin season Index (ดัชนีที่บ่งชี้ฤดูกาลของ Altcoin) จะเคลื่อนไหวระหว่าง 0 ถึง 100 ขณะนี้มูลค่าของดัชนีอยู่ที่ระดับ 25 ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้ มูลค่าของ Altcoin ต่าง ๆ จะเติบโตเร็วกว่า Bitcoin
อีกตัวบ่งชี้หนึ่งที่ควรพิจารณาคือ Bitcoin Dominance (BTC.D) อย่างที่เราสังเกตได้ ราคาได้มาถึงระดับแนวต้านขนาดใหญ่และแสดงปฏิกิริยาแล้ว การร่วงลงต่อไปจะส่งสัญญาณความแข็งแกร่งของบรรดา Altcoin เมื่อเทียบกับสกุลเงินดิจิทัลอันดับหนึ่งอย่าง Bitcoin
ตอนนี้ มาดูเป้าหมายที่เป็นไปได้สำหรับคริปโตที่เป็น Altcoin ต่าง ๆ กัน ซึ่งไม่รวม BTC และ ETH ราคาทะลุเส้นแนวโน้มขาลงและทำการทดสอบสองครั้ง มันกำลังมุ่งหน้าไปยังแนวต้านบริเวณ 450 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นประมาณ 20% หากราคาทะลุแนวต้านนี้ ราคาจะเคลื่อนไปยังพื้นที่มูลค่าตามราคาตลาด 630 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เติบโต 62% จากระดับปัจจุบัน
เราขอแนะนำให้คุณดูที่กราฟ ***/BTC เพื่อค้นหาว่าอะไรที่มีผลงานดีที่สุด การซื้อเหรียญที่มีรูปแบบเป็นขาขึ้นหรือกำลังซื้อขายที่ระดับแนวรับน่าจะทำให้คุณได้รับผลตอบแทนมากที่สุด
สรุป
ทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ เนื่องจากเงินทุนไหลจากตลาดหนึ่งไปยังอีกตลาดหนึ่ง สิ่งสำคัญที่เทรดเดอร์หรือนักลงทุนต้องพิจารณาคือการเป็นคนแรกที่หาสถานที่ที่เหมาะสมในการนำเงินไปใส่ไว้เจอ จากมุมมองของนักวิเคราะห์ FBS ตลาดคริปโตเป็นสถานที่ที่เหมาะสมในตอนนี้
FBS เสนอบัญชี Crypto ที่มีสกุลเงินดิจิทัลยอดนิยมทั้งหมดพร้อมให้ซื้อขาย ยิ่งไปกว่านั้น การซื้อขายกับ FBS มอบข้อได้เปรียบที่สำคัญให้กับเทรดเดอร์ ด้วยตราสารที่หลากหลาย ค่าคอมมิชชันต่ำ และการสนับสนุนด้านการวิเคราะห์
